วันนี้ในอดีต สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จเยือนไทย
พระองค์เป็นพระสันตะปาปาที่สำคัญที่สุดองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน พระองค์ทรงเดินทางรอบโลกเพื่อเยี่ยมเยียนคริสตชนมากกว่าพระสันตะปาปาองค์ใด ๆ ในอดีต
********************
วันนี้เมื่อ 35 ปีก่อน เป็นอีกวันสำคัญไม่เพียงกับ “คริสตชนไทย” แต่ยังหมายรวมถึงชาวไทยทั้งประเทศในมิติที่ว่า "สมเด็จพระสันตะปาปา นักบุญ จอห์น ปอล ที่ 2" หรือ "ประมุขแห่งวาติกัน" ได้เสด็จมาเยือนประเทศไทยครั้งแรกและอย่างเป็นทางการ อันนับเป็นหน้าประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทยกับนครวาติกัน ครั้งสำคัญอีกด้วย
ทั้งนี้ ชาวไทยยุคสมัยหนึ่งคงจำกันได้กับภาพประวัติศาสตร์ในครั้งนั้น นับแต่ที่คนไทยได้ทราบข่าวการเสด็จเยือนประเทศในแถบเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทยนั้น สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ได้มีวาระการเสด็จเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม พ.ศ. 2527
โดยวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 เครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 และคณะผู้ติดตาม ลงจอด ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร) เป็นผู้แทนพระองค์ในการต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาที่ท่าอากาศยาน
ต่อมาเวลา 15.00 น.สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดยในวันนั้นมีบันทึกไว้ว่า ประมุขแห่งวาติกันมีพระราชปฏิสันฐานกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังต่อไปนี้
1. ขณะนี้ข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยปิติ ข้าพเจ้าสัมผัสแผ่นดินไทยด้วยความโสมนัสยิ่ง เป็นการพระราชทานเกียรติอย่างยิ่งแก่ข้าพเจ้า ที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จบรมพิตรใน “ดินแดนแห่งความยิ้มแย้ม” นี้ ดังที่ประเทศไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก และใน “ดินแดนแห่งเสรีภาพ” นี้ ซึ่งเป็นความหมายของนามประเทศไทย
ขอบคุณภาพจาก http://catholichaab.com/main/index.php/2015-09-11-15-03-01/2015-11-02-04-11-10/1520-1
ข้าพเจ้าซาบซึ้งชื่นชมในน้ำพระราชหฤทัยที่ได้ทรงเชิญข้าพเจ้ามาเยือนประเทศอันสวยงามของสมเด็จบรมบพิตร ข้าพเจ้าขอตอบสนองพระราชไมตรีจิตอันบริบูรณ์ด้วยพระราชธรรมด้วยความเคารพและเทิดทูน ข้าพเจ้ารู้สึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว) เป็นผู้แทนพระองค์ในการต้อนรับข้าพเจ้าที่ท่าอากาศยาน
ขอบคุณภาพจาก http://catholichaab.com/main/index.php/2015-09-11-15-03-01/2015-11-02-04-11-10/1520-1
ขอบคุณภาพจาก http://catholichaab.com/main/index.php/2015-09-11-15-03-01/2015-11-02-04-11-10/1520-1
2.ข้าพเจ้าถือว่าการเยี่ยมเยือนครั้งนี้ เป็นการเชิดชูความสัมพันธ์อันยืนนานและเปี่ยมด้วยมิตรไมตรีระหว่างประเทศไทยกับนครรัฐวาติกัน การมายังประเทศไทยครั้งนี้ถือว่าได้รับพระราชทานเกียรติให้ได้มีโอกาสเยี่ยมตอบการที่สมเด็จบรมพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จไปเยือนสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ที่ 23 ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาก่อนหน้าข้าพเจ้าเมื่อ คริสตศักราช 1960 ข้าพเจ้าหวังที่จะได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายกที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงการที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อนได้เสด็จไปเยี่ยมสมเด็จพระสันตะปาปา พอล ที่ 6 เมื่อคริสตศักราช 1972 ท่านผู้ทรงดำรงตำแหน่งก่อนหน้าข้าพเจ้ามิสามารถทรงเยี่ยมตอบด้วยพระองค์เองได้ และบัดนี้ข้าพเจ้าปลื้มปิติที่สามารถปฏิบัติหน้าที่แทน พร้อมกันนั้นยังได้มีโอกาสอันน่าพึงพอใจที่จะได้พบปะกับพี่น้องคาทอลิกที่จะได้ร่วมบำเพ็ญภาวนาและที่จะได้เป็นกำลังใจแก่เขา ในการรับใช้ผู้อื่นฉันพี่น้อง
ขอบคุณภาพจาก http://catholichaab.com/main/index.php/2015-09-11-15-03-01/2015-11-02-04-11-10/1520-1
3. ข้าพเจ้าทราบดีว่า การพำนักในประเทศไทยครั้งนี้ แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นแต่ก็จะเป็นการให้โอกาสได้ประสบด้วยตนเองถึงคุณค่าอันหยั่งลึกอยู่ในชีวิตจิตใจของมนุษย์ ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของชีวิตทางสังคมและทางวัฒนธรรม อีกทั้งขนบธรรมเนียมและประเพณีของไทย การได้อาคันตุกะของประเทศซึ่งยึดถือว่า เสรีภาพเป็นคุณลักษณะอันเป็นส่วนประกอบสำคัญของประชากรนั้น คือเกียรติอันยิ่งใหญ่โดยแน่แท้ในโลกปัจจุบันของเรานี้ ประวัติความเป็นไทของประเทศไทย และจิตตารมณ์โอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันอันเลื่องชื่อของประเทศไทยเป็นเครื่องเตือนให้รำลึกถึงความมุ่งมั่นปรารถนาอย่างลึกซึ้งของครอบครัวมนุษยชาติในอันที่จะเจริญชีวิตอยู่ในสันติสุข ในความสามัคคีกลมเกลียว และในความเป็นพี่น้อง โดยเฉพาะการที่สมเด็จบรมพิตรทรงเคารพสิทมธิของมนุษยชนในด้านเสรีภาพทางศาสนานั้น นำเกียรติอย่างไพศาลมาสู่ประเทศของสมเด็จบรมพิตร
การเยี่ยมเยือนของข้าพเจ้ามุ่งแสดงออกซึ่งความรู้สึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของข้าพเจ้าเองเป็นส่วนตัวและของพระศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลก อีกทั้งรู้สึกขอบคุณรัฐบาล ตลอดจนประชาชนแห่งดินแดนอันทรงเกียรตินี้ที่ได้ทีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้หนีร้อนมาพึ่งเย็นจากประเทศใกล้เคียง ความเมตตากรุณาที่มีต่อประชาชนผู้ตกอยู่ในความทุกข์ทรมานนั้น เป็นสิ่งที่โน้มน้าวข้าพเจ้าให้เข้ามาอยู่ใกล้ชิดท่านทั้งหลาย ผู้เป็นพี่น้องชายหญิงของข้าพเจ้าในประเทศไทย และมีส่วนทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า การพำนักอยู่ในดินแดนอันยิ่งใหญ่ของท่าน อบอุ่นเสมือนหนึ่งอยู่ในบ้านของตนเอง
ข้าพเจ้าขอพระพรพิเศษของพระเป็นเจ้า ถวายแด่สมเด็จบรมพิตร และบรรดาประชากรผู้เป็นที่รักของสมเด็จบรมพิตรทั่วทุกท่าน
ขอถวายพระพร
ขอบคุณภาพจาก http://catholichaab.com/main/index.php/2015-09-11-15-03-01/2015-11-02-04-11-10/1520-1
ขณะที่ในโอกาสนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ก็ได้มีพระราชดำรัสกับสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 ถึงความผูกพันระหว่างพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกกับราชอาณาจักรไทย ที่มีมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนความเจริญงอกงามของคริสตศาสนาในประเทศไทย รวมทั้งทรงยกย่องสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ในฐานะผู้แผ่ความสงบร่มเย็นและความสว่างแจ่มใสแก่ชาวโลกด้วย
ภาพที่ยังคงตราตรึงในความทรงจำอย่างมิรู้ลืม ก็คือการก้มลงจูบผืนแผ่นดินไทยขององค์สมเด็จพระสันตะ ปาปา จอห์น ปอลที่ 2 เฉกเช่นที่ทำในหลายประเทศ
ขณะเดียวยังมีภารกิจต่างๆ อีกมากมายภายในวันเดียว คือรุ่งขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ยังได้เสด็จไปยังศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยชาวอินโดจีน ที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี, อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก บรรดาพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาสชาย-หญิงคาทอลิกเข้าเฝ้า
เสด็จไปประกอบพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ และทรงเป็นประธานในพิธีบวชพระสงฆ์ใหม่จำนวน 23 องค์ พร้อมกับทรงปิดปีศักดิ์สิทธิ์สำหรับประเทศไทย ณ สามเณราลัยนักบุญยอแซฟ อ.สามพราน จ.นครปฐม
เสด็จไปในงานสโมสรสันนิบาตที่รัฐบาลจัดถวายพระเกียรติ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล, เสด็จเยี่ยมโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ถนนสาทรใต้ เพื่อประสาทพรผู้ป่วยและเสวยพระกระยาหารค่ำ, และช่วงเวลา 23.00 น. เสด็จจากสถานเอกอัครสมณทูตวาติกัน สู่สนามบินดอนเมือง จากนั้นเสด็จเครื่องบินพระที่นั่งออกจากสนามบินดอนเมืองสู่กรุงโรม (ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.catholic.or.th/popejohnpaulII/visit/page3.html)
กล่าวสำหรับพระประวัติ
สมเด็จพระสันตะปาปา นักบุญจอห์น ปอลที่ 2 มีพระนามเดิมว่า การอล ยูแซฟ วอยตือวา เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) ที่หมู่บ้านวาดอวิตแซ ใกล้เมืองกรากุฟ ประเทศโปแลนด์ บิดาเป็นทหารมียศเป็นจ่าทหารและเกษียณราชการแล้ว มารดาเสียชีวิต เมื่อคาโรลยังเป็นเด็ก ท่านเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษ ชอบการกีฬาเป็นอันมาก ท่านยังชอบบทกวีและการแสดงละคร
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 1 คณะพระคาร์ดินัลทั่วโลกก็มีมติเลือกให้พระคาร์ดินัลการอล วอยตือวา ประมุขแห่งอัครมุขมณฑลกรากุฟ ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 58 พรรษา ขึ้นเป็นประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1978 นับเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 264 ที่สืบตำแหน่งต่อจากนักบุญซีโมนเปโตรอัครทูต
ภาพในปี 2523
สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 เป็นประมุขของคริสตจักรโรมันคาทอลิกทั่วโลก เป็นพระสันตะปาปาที่ไม่ใช่ชาวอิตาเลียนองค์แรกในรอบ 455 ปี และเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่เป็นชาวโปแลนด์ รวมทั้งยังเป็นพระสันตะปาปาที่ได้รับเลือกขณะที่มีอายุน้อยที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 อีกด้วย
พระองค์เป็นพระสันตะปาปาที่สำคัญที่สุดองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน พระองค์ทรงเดินทางรอบโลกเพื่อเยี่ยมเยียนคริสตชนมากกว่าพระสันตะปาปาองค์ใด ๆ ในอดีตที่ผ่านมา ทรงต่อต้านกระแสทุนนิยมที่ไร้ขอบเขต การกดขี่ทางการเมือง ยืนกรานในการต่อต้านการทำแท้ง และปกป้องวิถีทางของศาสนจักรในเรื่องเพศของมนุษย์
พระองค์ท่านได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2557 (ค.ศ. 2014) ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม หรือหลังสิ้นพระชนม์ไปแล้ว 9 ปี
โดยพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อเมื่อวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2548 (ค.ศ.2005) ด้วยพระชนมายุ 84 พรรษา เมื่อเวลา 21.37 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 02.37 น. ของวันอาทิตย์ (ที่ 3) ตามเวลาในประเทศไทย หลังจากที่คืนวันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม
โดยทรงมีไข้สูง อันเป็นผลจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หลังจากนั้นทรงช็อค และมีอาการพระหทัยล้มเหลว จากนั้นพระอาการของพระองค์ก็ทรุดหนักลงเรื่อยๆ จนสิ้นพระชนม์อย่างสงบในที่สุดในห้องส่วนพระองค์
สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ทรงปกครองศาสนจักรรวมระยะเวลาทั้งสิ้น 26 ปี 15 วัน ซึ่งยาวนานที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ตามประวัติศาสตร์ของศาสนจักรโรมันคาทอลิกอันยาวนานนับ 2,000 ปี โดยเชื่อว่านักบุญเปโตรทรงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปายาวนานที่สุด คือ 37 ปี
////////////
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Pope_John_Paul_II#/media/File:JPII_on_bier.jpg