วันนี้ในอดีต

17 ธ.ค.2520  กำเนิด ปาเกียว  นักชกจอมทำลายล้าง

17 ธ.ค.2520 กำเนิด ปาเกียว นักชกจอมทำลายล้าง

17 ธ.ค. 2562

วันนี้เมื่อ 41 ปีก่อน #กำเนิด ปาเกียว นักชกจอมทำลายล้าง

 

 

*************************

 

 

เป็นหนึ่งในยอดนักชกที่มีสีสันมากที่สุดคนหนึ่งของยุคนี้ “แมนนี ปาเกียว” และวันนี้เมื่อ 40 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 17 ธันวาคม 2521 คือวันที่เขาถือกำเนิดขึ้นมา

 

คอลัมน์ “วันนี้ในอดีต” จึงขอนำเอาเรื่องราวความเป็นสุดยอดสีสันของนักชกเชื้อสายฟิลิปปินส์คนนี้มาฝาก

 

 

 

17 ธ.ค.2520  กำเนิด ปาเกียว  นักชกจอมทำลายล้าง

 

 

 

 

เส้นทางคนยาก

 

ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่เรารู้กันว่า "คนรวยไม่มีใครอยากเจ็บตัว" แมนนี ปาเกียว คืออีกหนึ่งชีวิตที่เกิดมายากจนแร้นแค้นสุดขีด  แต่ความเป็นคนเมือง "บูคิดนอน" ไม่ได้ทำให้เขาต้องเป็นเอาแต่นอนคิด

 

เพราะที่สุด เอ็มมานูเอล ดาปิดราน ปาเกียว ชาวเมืองตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ลูกชายคนที่ 2 ในบรรดาลูกๆ ทั้งหมด 4 คน ของพ่อแม่ที่มาแยกทางกันทีหลัง อย่าง โรซาลิโอ และ ดิโอนิเซีย ปาเกียว ก็ตัดสินใจทิ้งชีวิตวัยรุ่นไม่มีจะกิน เพื่อขึ้นชกมวยเพื่อหาเลี้ยงชีพ

 

วัยเพียง 16-17 ปาเกียวขึ้นชกมวยสากลอาชีพครั้งแรก ในรุ่น 106 ปอนด์ หรือ ไลท์ฟลายเวท อันเป็นรายการเล็กๆ อย่าง “วินเทก สปอร์ต” ที่มีกำหนดชก 4 ยก คู่ต่อสู้คนแรกของเขาคือ เอ็ดมานด์ “เอนติ้ง” อิกนาซิโอ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2537 ซึ่งปาเกียวสามารถเอาชนะคะแนนไปได้ (ไม่เอกฉันท์)

 

ด้วยยังโนเนม ว่ากันว่าค่าตัวครั้งแรกของปาเกียวนั้นราว 100 เปโซ พูดง่ายๆ ว่าไม่ถึงร้อยบาทไทย แต่ก็ยังอุตสาห์เก็บหอมรอมริบเพื่อส่งเงินมาช่วยเหลือครอบครัวตลอด

 

เขาเคยเล่าถึงการชกครั้งแรกว่า “ผมต้องนั่งเรือไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือเก่าๆ แห่งนึง จากนั้นต้องนั่งรถบนถนนลูกรังที่เป็นหลุมบ่ออีกสามชั่วโมงกว่าจะไปถึง”

 

แต่ด้วยหัวใจที่ไม่อยากอดตาย หรือเพราะสายเลือดนักสู้ ที่สุดปาเกียวก็ไต่อันดับขึ้นเรื่อยๆ

 

 

 

17 ธ.ค.2520  กำเนิด ปาเกียว  นักชกจอมทำลายล้าง

 

 

 

โดยนับแต่ปี 2540 ชื่อชั้นของปาเกียวได้รับการพูดถึงมากขึ้น หลังจากเอาชนะนักมวยไทยที่มีฝีมือเก่งกาจได้ถึง 2 คน คือ “โชคชัย โชควิวัฒน์” เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2540 ในยกที่ 5 ชกที่ไทย

 

จากนั้นยังมาเอาชนะ “ฉัตรชัย อีลิทยิม”  ในยก 8 ที่วิทยาลัยทองสุข ซึ่งเป็นการเอาชนะน็อกไปโดยไม่มีใครคาดคิด จนสามารถแย่งเข็มขัดแชมป์โลกในรุ่น "ฟลายเวท" จากฉัตรชัยมาได้ วันนั้นเองที่ปาเกียวได้รับการตีตราว่าเป็นแชมป์โลกครั้งแรก

 

โดยแม้ว่าภายหลัง เม็ดเงิน กระทิงแดงยิม จะกลับมากระชากเข็มขัดเส้นดังกล่าวคืนไปได้ในวันที่ 17 กันยายน 2542 ซึ่งเป็นการชกที่ จ.นครศรีธรรมราช

 

แต่ชื่อชั้นของปาเกียวก็ถือเป็นนักมวยฟิลิปปินส์ที่ได้รับการจับตามอง ไม่มีอะไรที่จะหยุดผู้ชายมวยซ้ายคนนี้ได้อีกแล้ว

 

 

 

เส้นทางดวงดาว

 

อย่างที่เราอาจพอทราบกันถึงความแกร่งของปาเกียวว่า ด้วยสไตล์การชกที่ไม่เหมือนใคร เป็นมวยทรหด หมัดหนักทั้งซ้ายและขวา จิตใจห้าวหาญไม่กลัวใคร และสภาพร่างกายแข็งแกร่ง

 

ที่สุด หลังจากนั้นปาเกียวก็กระโดดข้ามทีเดียวถึง 3 รุ่น ไปเป็น 122 ปอนด์ หรือ "จูเนียร์ เฟเธอร์เวท" ก่อนจะเดินทางไปชกมวยและใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา และมีชื่อเสียงดังกึกก้องมากขึ้นไปอีกในเวลาต่อมา จนเป็นเจ้าของฉายาอย่างเช่น เดอะแพ็ค-แมน, จอมทำลายล้าง, นักปราบนักมวยเม็กซิกัน และแชมป์มหาชน

 

ไฟท์เด็ดๆ ในชีวิตของเขาที่ต้องจากรึก นอกจากกับ โชคชัย โชควิวัฒน์ จนสามารถสร้างภูมิใจมั่นใจในกำปั่นให้กับตัวเองได้ ต่อมายังมีไฟท์อื่นๆ เช่น

 

18 ธันวาคม 2542 ที่เวทีกรุงมะนิลา ปาเกียวคว้าแชมป์รายการ “ซูเปอร์แบนดั้มเวท WBC” ที่ขยับเปลี่ยนรุ่นน้ำหนักการชก โดยชนะน็อค “เรนันโด จามิลี่” ไปเพียงยก 2 เท่านั้นถือว่าจบเร็วมาก

 

23 มิถุนายน 2544 ชนะน็อก "เลห์โลโฮโนโล เลดวาบา" ยก 6 ที่เวทีสหรัฐ ได้เป็นแชมป์โลกรุ่น “ซูเปอร์แบนตั้มเวท IBF” ไปแบบไร้ข้อกังหาใดๆ ทั้งสิ้น

 

ต่อมา 10 กันยายน 2548 ชนะน็อก “เฮกเตอร์ เวลาเควซ” นักมวยชื่อดังต้องหลับไปนอนยก 6 ที่เวทีสหรัฐ ปาเกียวได้เป็นแชมป์รุ่น “ซูเปอร์เฟเธอร์เวท”

 

15 มีนาคม 2551 ปาเกียวได้แชมป์โลกในรุ่นที่ 4 "ซูเปอร์เฟเธอร์เวท" หลังซัดหมัดแบบไม่หยุดหายใจ จนทำให้ "ฮวน มานูเอล" ล้มลงไปกอง ก่อนจะลุกขึ้นมาแพ้คะแนนไปจนได้

 

ผ่านมา 3 เดือน วันที่ 28 มิถุนายน 2551 ปาเกียวฟาดแชมป์โลกรุ่น “ไลท์เวท WBC” มาได้ โดยเอาชนะน็อค “เดวิด ดิแอซ” ที่เวทีสหรัฐ ว่ากันว่าการต่อยนัดนี้ "เหนียว" จนปาเกียวต้องเหนื่อยถึงยก 9 กว่าจะชนะ

 

วันที่ 3 พฤษภาคม 2552 ปาเกียวยังฟอร์มดี ชกชนะน็อก “ริคกี้ ฮัตตัน” ไปในยก 2 ที่เวทีสหรัฐ ได้เป็นแชมป์โลกเส้น 6 ในรุ่น "ไลท์เวลเตอร์เวท IBO"

 

ต่อมายังได้เป็นแชมป์โลกเส้น 7 รุ่นเวลเตอร์เวท WBO เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2552 ชนะน็อกยก 12 “มิเกล ค็อตโต้” ที่ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ลาสเวกัส สหรัฐ นัดนี้คนดูเชียร์ทั้งเหนื่อยทั้งคุ้ม เพราะซัดกันนาน มันหยดติ๋งๆ

 

จนกระทั่งมาได้แชมป์โลกเส้น 8 ที่สภามวยโลกต้องสั่นไปทั้งวงการ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2553 ปาเกียวชกชนะคะแนน “อันโตนิโอ มาร์การิโต” ที่ คาวบอยสเตเดียม เท็กซัทสหรัฐ ได้เป็นแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท WBC (2553)

 

ต่อมาเขายังขึ้นชกอีกหลายครั้งทั้งชิงแชมปฺ์โลก และรักษาเข็มขัด ชนะบ้าง แพ้บ้าง แต่ที่แน่ๆ ทุกวันนี้เขากลายเป็นนักชก ที่ชก 69 ครั้งชนะ 60 ครั้งชนะน็อก 39 ครั้งแพ้ 7 (แพ้น็อก 3) เสมอ2 

 

ที่สำคัญค่าตัวของปาเกียว จนถึงที่สุดแล้วหลายคนได้ยินแล้วขนลุกอย่างในไฟท์ปี 2559 ที่ปาเกียว คืนสังเวียนมาโชว์ความเก๋า จนสามารถไล่ต้อนชนะ “เจสซี วาร์กัส”  นักชกรุ่นน้องที่อายุอานามห่างกันถึง 10 ปี

 

วันนั้น ปาเกียวกลับมาครองแชมเปี้ยน WBA รุ่นเวลเตอร์เวต ได้สำเร็จ ค่าตัยเขาก็ปาเข้าไป 8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 279.5 ล้านบาทแล้ว!!

 

ปีที่แล้ว แมนนี ปาเกียว ในวัย 39 ปี ยังขึ้นชกกับแชมป์โลกชาวอาร์เจนตินาที่อายุน้อยกว่า 4 ปี "ลูคัส แมทธิสเซ่" ในไฟต์ชิงแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวท WBO ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2561 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

 

 

17 ธ.ค.2520  กำเนิด ปาเกียว  นักชกจอมทำลายล้าง

ปาเกียว กับ ลูคัส แมทธิสเซ่

 

 

 

วันนั้นปาเกียวผู้ซึ่งเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์โลกที่แตกต่างกันถึง 8 รุ่นต่างสถาบันกัน บอกถึงตัวเองว่าไม่ว่รจะมีอายุเท่าไหร่ก็ไม่ใช่อุปสรรค เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าคุณมีวินัยมากขนาดไหนระหว่างการฝึกซ้อม และคุณเตรียมตัวมาอย่างไร

 

ปรากฏเขาพูดถูกทุกอย่าง เมื่อสามารถเอาชนะน็อค ลูคัส แมทธิสเซ่ คว้าแชมป์ได้สำเร็จหลังใช้เวลาบนสังเวียนเพียงแค่ 7 ยก ปาเกียวยังได้กลายเป็นแชมป์โลก WBA ในรุ่น “เวลเตอร์เวท”

 

 

 

 

เส้นทางคนใหญ่

 

อย่างที่เกริ่นไปว่า ผู้ชายคนนี้เป็นนักชกที่มีสีสันมากที่สุดคนหนึ่ง นั่นก็เพราะปาเกียวผู้ซึ่งเป็นคุณพ่อลูก 4 ไม่เคยหยุดตัวเองไว้ที่ความเป็นนักชก แต่เขายังมีความสามารถในด้านอื่นๆ อย่างน่าสนใจ

 

ใช่แล้ว ปาเกียวเองก็สนใจงานการเมือง ถึงขนาดเคยกล่าวว่า หากได้เล่นการเมืองและได้รับเลือกตั้งอาจจะแขวนนวมเนื่องจากครอบครัวต้องการให้เลิกชกมวย

 

ปี 2550 ขณะที่ไทยแลนด์ยังฟาดฟันกันในสนามการเมืองสุดฤทธิ์ ปาเกียว ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ในระดับเทศบาลของกรุงมะนิลา แต่ไม่ประสบความสำเร็จเมื่อพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งไปแบบขาดลอย

 

แต่เขายังไม่หยุด ต่อมาราวกลางปี 2553 ขณะที่ไทยแลนด์เพิ่งผ่านการนองเลือดจากเหตุการณ์กระชับพื้นที่โดย ศอฉ. ไม่นาน หันไปข้างเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ ปาเกียวก็ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดซารังกานี ในการเลือกตั้งทั่วไป

 

 

17 ธ.ค.2520  กำเนิด ปาเกียว  นักชกจอมทำลายล้าง

 

 

คราวนี้เขาทำสำเร็จได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนที่ขาดลอยจากคู่แข่งเป็นอย่างมาก หลังได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายถึง 60,000 คะแนน เหนือคู่แข่ง ได้เป็น ส.ส.ประจำจังหวัดซารังกานี หนึ่งในจังหวัดที่ยากจนที่สุด ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์

 

วันที่เขาเข้าพิธีสาบานตนอย่างเป็นทางการเพื่อรับตำแหน่ง ส.ส. เขาได้ให้คำมั่นว่าจะให้ความสำคัญกับนโยบายทางด้านการพัฒนาการศึกษาและการกีฬาในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งสร้างโรงพยาบาลแห่งแรกของจังหวัด

 

ที่เด็ดคือ ปาเกียวบอกในวันนั้นว่าจะยังคงลงแข่งขันชกมวยอาชีพต่อไป สงสัยว่าคะแนนท่วมท้นที่ได้มาจากประชาชน น่าจะเพราะช่วงปีสองปีนั้น ปาเกียวสามารถเอาชนะได้เข็มขัดแชมป์มาหลายเส้นกระมัง

 

แต่ที่แน่ๆ ดูเหมือนว่าปาเกียวจะไปด้วยสวยทั้งบนสังเวียนมวยและในสภาเลยทีเดียว เพราะช่วงมิถุนายน 2559 ขณะที่ไทยแลนด์มี คสช. ดูแล ฝ่ายปาเกียวก็เพิ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง สมาชิกวุฒิสภาของฟิลิปปินส์

 

ตอนนั้นเขาเดินหน้าผลักดันให้ใช้บทลงโทษประหารชีวิตสำหรับคดีฆาตกรรม ค้ายาเสพติด และข่มขืนกระทำชำเรา ว่ากันว่าปีนั้นก็เป็นปีที่เขาต้องขึ้นชกกับ "วาร์กาส" ซึ่งปาเกียวออกมาให้ข่าวว่า ตนเองนั้นพยายามอย่างหนัก เพราะอยากทำให้ดีที่สุดทั้ง การชก และการทำหน้าที่ในสภาฯ

 

และอย่างที่รู้ ที่เขาเคยบอกว่าอยากสร้างประวัติศาสตร์เป็นสมาชิกวุฒิสภาคนแรก ที่ได้เป็นแชมป์โลก เขาก็ทำมันได้สำเร็จ 

 

นี่อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งหมด แต่บอกได้เลย ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะอีกมุมหนึ่ง เขายังเปิดตัวขอเป็นนักบาสเกตบอลอีกด้วย

 

 

17 ธ.ค.2520  กำเนิด ปาเกียว  นักชกจอมทำลายล้าง

 

 

โดยราวปี 2557 ปาเกียวได้ลงแข่งบาสเกตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2557 โดยสวมเสื้อหมายเลข 17 ได้ทำการลงแข่งเป็นเวลา 10 นาที กับทีม แบล็ควอเตอร์ อีลิท ในลีกบาสเกตบอลอาชีพของฟิลิปปินส์ ซึ่งปาเกียวทำคะแนนได้ 1 คะแนนอีกด้วย

 

 

 

17 ธ.ค.2520  กำเนิด ปาเกียว  นักชกจอมทำลายล้าง

"ปาเกียว" กับ “คีธ เธอร์แมน”

 

 

ที่น่าสนใจคือ ปีนี้เอง ปาเกียวยังกลับไปชก แถมยังชนะคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ แก่ “คีธ เธอร์แมน” ที่ต้องพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก ในศึกชิงเข็มขัดแชมป์โลก รุ่นเวลเตอร์เวท WBA ที่ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ลาสเวกัส, เนวาดา สหรัฐอเมริกา

 

แค่นี้ ก็ไม่รู้จะบรรยายสรรพคุณยังไงแล้วสำหรับผู้ชายคนนี้ นอกจากสุขสันต์วันเกิดครบรอบ 41 ปีก็แล้วกัน

 

 

****************************