ข่าว

กรมอุตุฯ เตือน 16-20 มี.ค. อากาศแปรปรวนหนาวปากสั่น ลดฮวบ 5-8 องศา 

กรมอุตุฯ เตือน 16-20 มี.ค. อากาศแปรปรวนหนาวปากสั่น ลดฮวบ 5-8 องศา 

14 มี.ค. 2568

กรมอุตุฯ เตือน 16-20 มี.ค. 68 อากาศแปรปรวน เผยจะมีเย็นหลงฤดูช่วง อีสานลดฮวบ 5-8 องศา  เนื่องจากมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน

 

ฉบับที่ 4/2568  วันนี้ (14 มี.ค. 2568) เวลา 10.30 น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการพยากรณ์อากาศ ชั้น 11 อาคาร 50 ปี อุตุนิยมวิทยา นายนัฐวุฒิ  แดนดี รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาฝ่ายวิชาการ และโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าในช่วงวันที่ 16-20 มีนาคมนี้ ประเทศไทยตอนบนจะมีสภาพอากาศแปรปรวน มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลด 5-8 °ซ. ส่วนภาคอื่น ๆ จะลดลง 2-4 °ซ. เนื่องจากมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน แต่เนื่องจากขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน จึงทำให้รู้สึกอากาศเย็นลงวูบวาบ โดยเฉพาะภาคอีสานที่จะได้รับผลกระทบก่อนภาคอื่น ๆ ในช่วงกลางวันที่อุณหภูมิสูงสุดต้นทุนเดิม 38-39 °ซ. อาจจะลดลงเหลือ 30-31 °ซ. ส่วนตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 16-17 °ซ. 

 

 

กรมอุตุฯ เตือน 16-20 มี.ค. อากาศแปรปรวนหนาวปากสั่น ลดฮวบ 5-8 องศา 

 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากปัจจัย ‘มวลอากาศเย็นที่เคลื่อนลงมาผ่านประเทศจีน’ เป็นหลัก แต่ปัจจัยทางอ้อมคือ ‘กระแสลมวนขั้วโลก’ (Polar Vortex) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่อากาศเย็นขนาดใหญ่ซึ่งหมุนวนอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ โดยปกติจะถูกกั้นไว้ด้วยกระแสลมกรดขั้วโลก (Polar Jet Stream) แต่เมื่อกระแสลมวนขั้วโลกขาดเสถียรภาพ ทำให้กระแสลมกรดถูกรบกวนจนมีกำลังอ่อนลงไปด้วย อากาศเย็นบริเวณขั้วโลกดังกล่าวจึงสามารถแผ่ขยายลงมายังละติจูดต่ำ ๆ ได้ สร้างความหนาวเย็นให้กับเขตพื้นที่ที่อุ่นกว่า อีกทั้งจากภาวะโลกร้อนและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยและกรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบจาก ‘กระแสลมวนขั้วโลก’ บ้าง แต่ไม่ใช่ผลกระทบโดยตรง เนื่องจากมีเทือกเขาหิมาลัยขวางกั้น แต่ปัจจัยความหนาวเย็นที่สำคัญของไทยคือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมเป็นระลอกๆ ทำให้อุณหภูมิลดลงเป็นระลอกเช่นกัน ระยะเวลาที่อุณหภูมิลดลงรอบนี้จึงยาวขึ้นจากเดิม 2-3 วัน เป็น 3-5 วัน

 

 

โฆษกกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเทศไทยได้สัมผัสอากาศเย็นในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน แต่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงปี 2554 ปี 2559 และปี 2565 สถิติจากศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุสภาวะอากาศประเทศไทยเดือนมีนาคม 2554 อุณหภูมิต่ำที่สุดวัดได้ 12 °ซ. ที่อําเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 17 และ 18 มีนาคม 2554 ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีอุณหภูมิต่ำสุดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 อยู่ที่ 18 °ซ. ต่อมาในเดือนเมษายน 2554 ไทยได้รับอิทธิพลความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปะทะกับมวลอากาศร้อนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะทําให้อุณหภูมิลดลง โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 16 °ซ.

 

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2554 ที่อําเภอเมือง จังหวัดเลย ถัดมาในปี 2559 แม้ไทยจะได้รับอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนต่อเนื่อง แต่ก็ยังพบอุณหภูมิต่ำสุดที่วัดได้ 10.2 °ซ. เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 ที่จังหวัดนครพนม โดยหย่อมความกดอากาศต่ำยังคงแผ่อิทธิพลปกคลุมประเทศไทยต่อเนื่องถึงเดือนเมษายน 2559 และในปี 2565 ไทยเจออากาศเย็นในฤดูร้อนอีกครั้ง เมื่อวันที่ 2-3 เมษายน อุณหภูมิต่ำสุดพื้นราบวัดได้ 14.8 °ซ. ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565  ดังนั้น ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวนที่มีฝนตกหนักและอุณหภูมิลดลง และดูแลรักษาสุขภาพในระยะนี้ไว้ด้วย หากมีข้อสอบถามเพิ่มเติมสามารถโทร. 02 399 4012-14 และสายด่วน 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง 
 

 

กรมอุตุฯ เตือน 16-20 มี.ค. อากาศแปรปรวนหนาวปากสั่น ลดฮวบ 5-8 องศา 


 
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา  กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม