นับถอยหลัง 'สถานีกลางบางซื่อ' เปิดให้บริการปลายปี 64
'นายกฯ' พร้อมคณะครม.เยี่ยมชมความพร้อม 'สถานีกลางบางซื่อ' เทียบสถานีรถไฟชั้นนำของโลก ใหญ่และทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับถอยหลังเปิดให้บริการปลายปี64 พร้อมมอบให้ ร.ฟ.ท.บริหารจัดการรถไฟชานเมืองสายสีแดง12สถานี ส่วน 'สายรังสติ-มธ.'คาดก่อสร้างปี65
เมื่อวานนี้ (15 ธ.ค. 2563) เวลา 14.00 น. ณ สถานีกลางบางซื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี(ครม.) และคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ พร้อมรับฟังแผนการพัฒนาที่ดินบริเวณรอบสถานีกลางบางซื่อ และทดลองเดินขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง ระหว่างสถานีกลางบางซื่อ - สถานีรังสิต
โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมโครงการฯ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ระบบคมนาคมขนส่งทางราง” ซึ่งเป็นรูปแบบการเดินทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ช่วยเชื่อมโยงทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงได้ส่งเสริม ติดตาม
“และมุ่งมั่นผลักดันเพื่อให้ระบบคมนาคมขนส่งทางรางเป็นรูปแบบการเดินทางหลักของประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งพัฒนาระบบคมนาคมทางรางอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานคร โครงการรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เพื่อเชื่อมต่อภูมิภาคของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เป็นต้น”นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางการคมนาคมและการขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางระบบรางแล้วนั้น ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมโอกาสด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงสนับสนุนการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจตลอดแนวเส้นทาง
"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่ย่านบางซื่อของการรถไฟฯ ซึ่งได้มีแผนพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ควบคู่ไปกับสถานีกลางบางซื่อ ในระยะยาว จะช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมและการขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน นับเป็นก้าวย่างสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของการพัฒนาระบบรางและการพัฒนาประเทศตามเป้าหมายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่วางไว้"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (รมว.คมนาคม) กล่าวว่า ตามที่ทางรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนที่มีประสิทธิภาพ และแก้ไขปัญหาด้านการจราจร
โดยการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งให้มีความต่อเนื่องกันทั้งระบบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีศูนย์กลางการคมนาคมที่จะเชื่อมต่อการเดินทางจากใจกลางกรุงเทพมหานคร สู่ปริมณฑล รวมถึงเชื่อมโยงต่อไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
"สถานีกลางบางซื่อแห่งนี้ จะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และมีมาตรฐานเทียบเท่าสถานีรถไฟชั้นนำของโลก ในการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารและทุกคนตามหลักอารยสถาปัตย์ สามารถเปลี่ยนถ่ายการเดินทางจากระบบราง ทั้งรถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าเชื่อมสนามบิน และยังเชื่อมต่อการเดินทางของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตเมือง และระบบขนส่งรูปแบบอื่น ๆ
อาทิ รถสาธารณะ รถโดยสารประจำทาง รถโดยสาร บขส. รถแท๊กชี่ ได้ครบครัน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้การรถไฟฯ จัดทำแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบราง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเดินทางและธุรกิจแห่งภูมิภาคอาเซียน ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาเมืองในรูปแบบใหม่ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นและขยายธุรกิจและเศรษฐกิจในพื้นที ส่งเสริมให้เกิดการกระจายโอกาสในด้านต่าง ๆ สู่ประชาชน ทั้งในด้านของการสร้างงาน สร้างอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการในการมุ่งพัฒนาประเทศอย่างบูรณาการ
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันงานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟชานเมือง และงานก่อสถานีรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จำนวน 13 สถานี และงานก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟ ดำเนินการก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ คงเหลืองานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหาตู้รถไฟฟ้าสำหรับช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน
ประกอบด้วย งานระบบราง ระบบควบคุมการเดินรถและระบบอาณัติสัญญาณ ระบบโทรคมนาคม ระบบจำหน่ายตั๋วโดยสาร อุปกรณ์สำหรับศูนย์ซ่อมบำรุง ระบบรักษาความปลอดภัย สถานีไฟฟ้าย่อยและหม้อแปลงไฟฟ้า ระบบขับเคลื่อนรถไฟฟ้า และระบบอื่น ๆ งานจัดหาตู้รถไฟฟ้ารวมถึงการจัดเตรียมอบรมบุคลากรในการบริหารและซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้า มีความก้าวหน้าร้อยละ 89.10
“โดยคาดว่าจะทดสอบการเดินรถเสมือนจริง แล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2564 จากนั้นจึงจะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการ ในเดือนกรกฎาคม 2564 และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤศจิกายน 2564” ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าว
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีพร้อมด้วยสื่อมวลชน ได้เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ ภายในสถานี ประกอบด้วย อาคารทั้งหมด 3 ชั้น คือ ชั้นที่ 1 เป็นพื้นที่จำหน่ายตั๋วโดยสารและจุดเชื่อมต่อการเดินทางด้วยระบบรางในกรุงเทพฯ ชั้นที่ 2 เป็นชั้นชานชาลา ประกอบด้วย รถไฟทางไกล 8 ชานชาลา และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง 4 ชานชาลา และชั้นที่ 3 เป็นชั้นชานชาลาสำหรับรถไฟเชื่อมท่าอากาศยาน
และชานชาลารถไฟความเร็วสูง โดยแบ่งเป็นชานชาลาสำหรับรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน 2 ชานชาลา รถไฟฟ้าความเร็วสูงสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 6 ชานชาลา รถไฟฟ้าความเร็วสูงสายใต้ จำนวน 4 ชานชาลา รวมทั้งสิ้น 12 ชานชาลา
นอกจากนี้ ยังมีชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นพื้นที่จอดรถ ที่สามารถจอดรถยนต์ได้ถึง 1,624 คัน มีถนนทางเข้าออกสถานีได้หลายทิศทาง เชื่อมต่อกับทางด่วนพิเศษ มีพื้นที่รองรับรถโดยสารประจำทางและรถแท็กซี่ และยังมีพื้นที่สวนสาธารณะพร้อมบึงน้ำขนาดใหญ่ ด้านการบริหารสถานีในระยะแรก การรถไฟแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้บริหารสถานีกลางบางซื่อ
และมอบหมายให้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถไฟชานเมือง สายสีแดง รวมถึงการบริหารสถานีรถไฟสายสีแดง จำนวน 12 สถานี
โดยเมื่อโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิตและช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน เปิดให้บริการแล้วคาดว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการประมาณ 86,000 คน-เที่ยว/วัน ซึ่งจะส่งผลให้สถานีกลางบางซื่อกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางด้วยระบบรางแห่งใหม่ ของประเทศ รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ทดลองเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดง จากสถานีกลางบางซื่อ ไปยังสถานีรังสิต เพื่อดูความคืบหน้าของงานก่อสร้าง ซึ่งรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อถึงดอนเมืองเป็นทางรถไฟยกระดับใช้ความเร็ว ในการเดินทาง 120 กม./ชม. และช่วงดอนเมืองถึงรังสิต ซึ่งเป็นทางรถไฟระดับผิวดิน มีรั้วกันสองข้างทางและสร้างถนนยกระดับข้ามทางรถไฟ สามารถใช้ความเร็วในการเดินทางได้ 140 กม./ชม. หลังทดสอบแล้วเสร็จจะสามารถให้บริการแก่ประชาชนในจังหวัดปทุมธานี
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้รับการต้อนรับจาก นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี โดยร่วมรับฟังแผนต่อขยายสายสีแดง ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ในโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้นำเสนอแนวทางการเชื่อมต่อสถานีรถไฟรังสิตกับโครงข่ายต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน
อีกทั้งการรถไฟฯ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการเคหะแห่งชาติ ได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เป็นอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้นจำนวน 2 อาคาร จำนวน 360 ห้อง โดยอยู่ระหว่างสำรวจพื้นที่ และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในมิถุนายน 2564 เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อเริ่มก่อสร้าง และให้ประชาชนเข้าพักอาศัยใน ตุลาคม 2566 อันเป็นการบูรณการระบบรางควบคู่กับการพัฒนาเมืองตามแนวนโยบายของรัฐบาลต่อไป
ขอบคุณที่มา : https://www.facebook.com/129946050353608/posts/4140480965966743/?d=n