ประชาสัมพันธ์

เอาจริง"วราวุธ"สั่งล่าตัว นักท่องเที่ยว จับ ปลานกแก้ว ในเขตอุทยานแห่งชาติ

เอาจริง"วราวุธ"สั่งล่าตัว นักท่องเที่ยว จับ ปลานกแก้ว ในเขตอุทยานแห่งชาติ

11 ส.ค. 2565

ฟันไม่เลี้ยง "วราวุธ" เสียงเข้ม สั่งไล่ล่าตัว นักท่องเที่ยว จับ ปลานกแก้ว ในเขตอุทยานแห่งชาติ ย้ำถ้าจับได้ต้อง เนรเทศ สถานเดียว

จากประเด็น นักท่องเที่ยวต่างชาติโพสต์คลิปลงติ๊กต๊อกจับ ปลานกแก้ว ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก

 

ล่าสุด นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชตรวจสอบประเด็นนี้โดยด่วน เนื่องจากพื้นที่ที่นักท่องเที่ยว ดังกล่าวจับนั้น อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งมีความผิดทางกฎหมาย และการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศท้องทะเลของไทยเป็นอย่างมาก

“ตามหาบุคคลคนนี้ให้เจอโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะไม่ทำความเสียหายให้กับทรัพยากรของประเทศไทยไปมากกว่านี้ ถ้าจับได้ต้องเนรเทศสถานเดียว” นายวราวุธ กล่าว

 

ด้านนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ขณะนี้จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พอทราบแล้วว่าเรือลำดังกล่าวเป็นของใคร ทางเจ้าหน้าที่ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เกาะพีพี แล้ว เพื่อให้ติดตามตัวเจ้าของเรือ”เอวาริน” และสืบสวนหานักท่องเที่ยวที่ถือ ปลานกแก้ว มาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะการจับสัตว์น้ำในเขตอุทยานฯ มีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ

 

นอกจากนี้ ปลานกแก้ว ถือเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศในแนวปะการัง และนับวันจะลดปริมาณลงแล้วด้วย หากใครทราบเบาะแส ให้แจ้งมาที่ อช.หาดนพรัตน์ธาราฯ ได้ทันที

ทั้งนี้ สำหรับความผิดตามกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีประกาศฉบับลงวันที่ 11 ส.ค. 2558 ห้ามกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวน เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือทำอันตรายกับสัตว์ต่างๆ ทุกชนิดในอุทยานแห่งชาติ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดและต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 16(3) นำสัตว์ออกไปหรือทำอันตรายด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์

 

ประกอบกับมาตรา 21 ให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 16 ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ หรือ งดเว้นการกระทำใดๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 24 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 16(3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ