เทรนด์รถ EV มาแรง ปลายปีมีแตะ 5 หมื่นคัน เตรียมสถานีชาร์จเรียกความมั่นใจ | คมชัดลึก

หนึ่งในข้อกังวลใจก่อนซื้อ "รถยนต์ไฟฟ้า" (EV) คือ เวลาเดินทางไปต่างจังหวัดไกลๆ จะมีสถานีชาร์จไฟฟ้าไหม อนาคตข้อกังวลนี้จะหมดไป เพราะล่าสุด  "นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย" (Electric Vehicle Association of Thailand-EVAT) "กฤษฎา อุตตโมทย์" ประกาศเตรียมความพร้อมรับมือสังคม EV เมื่อตัวเลขการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า ต้นปี (2566) มีรถไฟฟ้ายื่นจดทะเบียน 14,000 คัน และปลายปีจะอยู่ราวๆ 50,000 คัน สถานีชาร์จจึงจะเติบโตไปตามจำนวนรถที่จดทะเบียน

"สถานีชาร์จ" "รถยนต์ไฟฟ้า" EV หรือ Charging Station ได้พัฒนาหัวจ่ายให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ถึง 15 คันต่อ 1 หัวจ่าย จากทั่วโลกสามารถจ่ายได้เพียง 10 คัน และในอนาคตจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จเพื่ออำนวยความสะดวก การร่วมมือกับผู้ให้บริการสถานีชาร์จต่างๆ มีโครงการเพื่อให้สามารถใช้แอปพลิเคชั่นร่วมกันได้

ตามแผนคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2568 จะมีสถานนีชาร์จด่วน 4,400 สถานี และปี 2573 จะมีระดับ 10,000 กว่าตู้ "สถานีชาร์จ" ด่วนจะมีผลการใช้งาน "รถยนต์ไฟฟ้า" มาก เพราะมีสปีดที่เร็วกว่า เพราะสถานีชาร์จทั่วไปใช้เวลาทีละหลายชั่วโมง  เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการผลิตทั้ง 2 อย่างต้องไปด้วยกันทั้งรถยนต์และสถานีชาร์จ เพราะสถานีชาร์จไฟฟ้าถือเป็นตัวสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างดี และเสริมเป้าหมายของทางภาครัฐมากขึ้น

"กระแสเทรนด์ต่างๆ เกี่ยวกับ "รถยนต์ไฟฟ้า" เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลเทียบกับปีที่แล้วกับปี 2561 คนซื้อรถยนต์เชื้อเพลิงประมาณ 85 ล้านคัน เป็นรถยนต์ไฟฟ้ามีเพียง 1.21 ล้านคัน แต่เมื่อ 5 ปีต่อมาเมื่อปีที่แล้ว คนซื้อแค่ 63.2 ล้านคัน  10.6 ล้านคันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รถยนต์ไฟฟ้าขายมากกว่า 10 ล้านคัน และปีนี้โลกจะมีการขายรถยนต์ไฟฟ้าคาดการณ์ว่าจะมีจำนวน 14 ล้านคัน" นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ระบุ

ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทย เชื่อว่า ส่วนหนึ่งมาจากภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนด้วยการมอบส่วนลด 1.5 แสนบาท ส่วนลดภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคา "รถยนต์ไฟฟ้า" ถูกลง อนาคตก็มีแนวโน้มนโยบายต่างๆ สนับสนุนการเปลี่ยนมาใช้ "รถยนต์ไฟฟ้า" ในการเดินทางสาธารณะอีกด้วย

"กฤษฎา" ยังบอกอีกว่า ปีหน้า (2567) เป็นต้นไปจะมีค่ายรถยนต์ต่างๆ เข้ามาประกอบและผลิตในประเทศไทย ตามที่ได้ลงนามความเข้าใจ (MOU) กันไว้กับผู้นำเข้า "รถยนต์ไฟฟ้า" ส่วนประเทศไทยทำได้เพียงนำเข้า และมาประกอบในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยี "รถยนต์ไฟฟ้า" แม้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์เป็นอันดับ 11 ของโลก

อย่างไรก็ดี "นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย" ได้ย้ำในงานสัมมนา "Innovation Keeping the World นวัตกรรมรักษ์โลก ไทยอยู่จุดไหน? จัดโดย สปริงนิวส์ เนชั่นออนไลน์ ฐานเศรษฐกิจ คมชัดลึก และสื่อในเครือเนชั่น อีกว่า ภายใน 2 ปี ตั้งเป้า "รถยนต์ไฟฟ้า" จดทะเบียน 30% ของรถทั้งหมด

ภายในปี 2573 ตั้งเป้าที่จะผลิต "รถยนต์ไฟฟ้า" จำนวน 50% ของทั้งหมด และภายในปี 2578 ตั้งเป้าผลิตเป็น 100% ของการผลิตทั้งหมด และในอนาคตเราจะได้เห็นรถที่สามารถรีไซเคิลได้ มีการนำรถมารีไซเคิลมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม