'วิกฤตโลกร้อน' ไม่ใช่มีเพียงโรคร้ายภูมิคุ้มกันอ่อนแอติดเชื้อแล้วตายง่าย
'วิกฤตโลกร้อน' ไม่ได้ทำให้เกิดเพียงโรคร้าย กระทบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ สุขภาพอ่อนด้อย ติดเชื้อแล้วทำให้ตายได้ง่ายขึ้น หมอแนะทางแก้ที่ง่ายที่สุด
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาฯ กล่าวว่า "วิกฤตโลกร้อน" ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอากาศสุดขั้ว (drastic climate change) แห้งแล้ง ร้อนสุดขีด ฝนตกหนัก น้ำท่วม บางพื้นที่กลับหนาวเย็น เหล่านี้กระทบระบบนิเวศทั้งมนุษย์และสัตว์รวมทั้งแมลง ทำให้มีการย้ายถิ่นฐานเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนำเชื้อที่ซ่อนอยู่ในตัวออกไปแพร่รวมทั้งเชื้อต้องมีวิวัฒนาการ ในการปรับตัวกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ และกระโดดข้ามสิ่งมีชีวิตจากตระกูลเดียวกันเป็นตระกูลอื่น
นอกจากนั้นยังมีเชื้อแฝงที่อยู่ในขั้วโลกน้ำแข็งและละลายตัว รวมทั้งเชื้อที่มีอยู่เดิม เช่น แหล่งน้ำในถ้ำโบราณที่มีอายุเป็นล้านปี โดยพบว่ามีแบคทีเรียมากมายโดยที่แต่ละกลุ่มดื้อยาปฏิชีวนะที่มนุษย์ใช้อยู่ขณะนี้เรียบร้อยแล้ว เป็น antimicrobial resistance ทั้งนี้ เนื่องจากแบคทีเรียแต่ละกลุ่มนั้น ต้องสู้กันเองและแต่ละกลุ่มปล่อยพิษที่จะทำลาย กันและกัน ดังนั้นต้องมีกลไกในการไม่ให้ ตนเองสูญพันธุ์
จุดวิกฤตที่สำคัญของมนุษย์ ที่ได้รับผลกระทบจาก "วิกฤตโลกร้อน"
1.ต้นทุนสุขภาพอ่อนด้อยลงอย่างมากเต็มไปด้วยโรค NCD (noncommunicable disease) หรือ เมตาบอลิค ซินโดรม ที่ทำให้เปราะบางและติดเชื้อง่ายและตายง่าย แม้เชื้อที่เข้ามาไม่ได้รุนแรงนักโดยถึงไม่ได้ติดเชื้ออวัยวะพังก็หนักอยู่แล้ว
2.มนุษย์ที่ติดเชื้อโควิดจะมีความอ่อนด้อยหรือแปรปรวนของระบบภูมิคุ้มกันไม่มากก็น้อย
โรคเดิมที่เคยคุมอยู่กลับรุนแรงขึ้นใหม่ โดยเฉพาะโรคแพ้ภูมิตนเองที่เป็นทั้งตัว เช่น โรคพุ่มพวง หรือเป็นเฉพาะในสมองหรือเส้นประสาทหรือที่เกิดขึ้นกับกระดูกข้อต่อและเส้นเอ็น รวมถึงโรคเมตาบอลิคทั้งหลาย เบาหวานความดันหัวใจโรคหลอดเลือดต่างๆ และมะเร็งเกิดปะทุขึ้นมาง่ายง่ายหรือรักษาสงบไปแล้วเกือบโผล่ขึ้นมาอีก ที่ไม่ควรเกิดในอายุน้อยกลับพบมากขึ้น ไม่ว่างูสวัด โรคผิวหนังต่างๆ และติดเชื้อต่างๆได้มากขึ้นง่ายขึ้น และงูสวัดที่เกิดขึ้น ยังเพิ่มความเสี่ยงของหัวใจวายและอัมพฤกษ์หลังจากนั้นเป็นเวลาอีกหลายปี สมองเสื่อมที่ควรเห็นแสดงอาการเมื่ออายุ 60 หรือ 65 ปี ไปแล้วกลับแสดงให้เห็นตั้งแต่อายุ 40 กว่าถึง 50 ปี
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ยังรวมถึงมนุษย์บางคนที่คราวเคราะห์ร้ายฉีดวัคซีนไปเกิดแพ้ ทำให้มีปรากฏการณ์ภาวะอ่อนด้อยสุขภาพเหมือนกับที่ติดเชื้อโควิดไปทุกประการดังขัางต้น เช่น รายงานในวารสาร PLOS NTD (4/8/2023) จากประเทศอังกฤษ พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อน หลังจากได้วัคซีน กลับมีการปะทุของโรคเรื้อน หรือมีอาการลุกลามขึ้น
3.ความแออัดของการบริการในระบบสุขภาพทั้งในผู้ป่วยนอกและในหอผู้ป่วยใน โดยเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐ ที่มีปัญหามาเนิ่นนานและถ้ามีเชื้อถูกนำเข้าในสถานพยาบาลที่แออัดอยู่แล้วจะกลายเป็นหม้อเพาะเชื้อใบใหญ่ เกิดติดต่อลุกลามได้ง่ายและแพร่ออกไปสู่ชุมชนภายนอก
เชื้อโรคที่เบ่งบานมากขึ้นทั้งโรคเก่าปะทุใหม่โดยอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมให้เก่งขึ้นรวมทั้งโรคใหม่เอี่ยมที่วิวัฒน์มาจากสภาวะโลกร้อน เมื่อเข้ามนุษย์ที่อ่อนแอและสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้จะยิ่งระบาดได้ง่ายขึ้น
สำหรับทางแก้ไข และเตรียมรับมือด้านระบบสุขภาพจาก "วิกฤตโลกร้อน"
1. ทำสุขภาพแต่ละคนให้แข็งแรง ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าต้องกินอาหารสุขภาพผักผลไม้กากไย ลดแป้ง งดเนื้อสัตว์บก แทนด้วยปลา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดบุหรี่เด็ดขาด ถ้ายังดื่มๆ ในปริมาณสุขภาพแอลกอฮอล์ไม่เกิน 30 กรัมต่อวัน
2. คนที่มีโรค ประจำตัวอยู่แล้วทั้งที่สุกงอมหรือกำลังจะสุกงอมอวัยวะเริ่มจะพังหัวใจเริ่มจะวายรวมทั้งไต ให้หันกลับไปดูข้อหนึ่งและไม่พึ่งแต่ยาอย่างเดียวซึ่งตัวเองจะกลายเป็นสนามรบของยา และยาตีกันเอง
3. การวินิจฉัยโรคติดเชื้อต้องควบรวมศูนย์บัญชาการหนึ่งเดียวประสานข้อมูลจากท้องถิ่นและโรงพยาบาลทุกระดับเพื่อให้ทราบสถานการณ์ที่ยกระดับขึ้นอย่างผิดปกติ และที่สำคัญคือต้องได้มาซึ่งกระบวนการวินิจฉัยเชื้อทั้งที่มีอยู่แล้วและชื่อที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนอย่างรวดเร็วที่สุดและแน่นอนถ้าราคาถูกเข้าถึงได้ไม่ใช่ลงไปลุยหาเชื้อไม่รู้จักชื่อในสัตว์ป่า กลับกลายเป็นนำเชื้อร้ายจากป่าสู่ชุมชนมนุษย์และเอาเชื้อในมนุษย์ กลับใส่เข้าไปในสัตว์ป่าเกิดผสมรวมกันเป็นเชื้อใหม่ ในมนุษย์ที่ติดเชื้อเกิดโรคไปแล้ว ปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่าครึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นเชื้ออะไรโดยเฉพาะไวรัส
ดังนั้นการได้มา ถึงสาเหตุของโรคถึงชนิดของเชื้อในคนที่เกิดโรคแล้วเป็นเรื่องสำคัญที่สุดรู้เร็วรักษาเร็วช่วยชีวิตและกันไม่ให้เกิดระบาดในวงกว้าง และแน่นอนต้องทำให้โรงพยาบาลเป็นโรงพยาบาลร้างไอซียูเงียบเหงาศูนย์หัวใจศูนย์ล้างไตเจ๊งกันระนาว นั่นหมายถึงสุขภาพของมนุษย์คนไทยถึงจุดที่สามารถปกป้องตนเองได้จากโรคติดเชื้อและไม่ติดเชื้อแล้ว