'สมรสเท่าเทียม' เกิดไม่เกิด พม.พูดแล้ว
10 ปีผลักดัน พ.ร.บ.คู่ชีวิต หรือ "สมรสเท่าเทียม" แต่ยังไม่สำเร็จ ล่าสุดถึงขั้นตอนนี้แล้วแต่ถูกขอเลื่อนเข้าสภา ด้าน พม.มั่นใจว่าต้องได้รับรองโดยเร็ว
"น.ส.แรมรุ้ง วรวัธ" อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงการเรียกร้องให้เกิดความเท่าเทียมในสังคมประเด็น "พ.ร.บ.คู่ชีวิต" ("สมรสเท่าเทียม") ว่า การจัดทำกฎหมายรับรองเพศไม่เปิดกว้างให้ใช้คำนำหน้านามในเอกสารราชการที่ไม่ตรงกับเพศสภาพ เขามองว่ากระทบต่อชีวิตต่อกลุ่ม "LGBTQ+" อย่างมาก
นอกจากนี้ ยังรวมถึงปัญหาการเข้ารับบริการทางการแพทย์ ทั้งภาครัฐและเอกชน การสมรส การรับรองเพศสภาพ เรื่องเหล่านี้ พม.กำลังรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง และมั่นใจว่า ต้องได้รับรองโดยเร็ว
"น.ส.แรมรุ้ง" อธิบายต่อว่า พม.ได้ประกาศเจตนารมย์ เรื่องการส่งเสริมความความเสมอภาค ไม่เลือกปฎิบัติ ความไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ร่วมกับอีก 63 หน่วยงานทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และพรรคการเมืองทั้งหมดแสดงจุดยืนเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมแห่งความเท่าเทียมระหว่างเพศ เช่น การแต่งกายตามสภาวะเพศสภาพของบุคคล เป็นต้น
"ผู้บริหาร พม.มีนโยบาย ชัดเจนว่า ถ้าเราเลือกแล้วว่าจะเป็นเพศใดให้ข้าราชการและบุคคลากรทุกคนสามารถแต่งกาย ได้ตามเพศที่เราเลือก เพื่อสร้างความมั่นใจในตัวตนของบุคคลนั้นๆ ซึ่งจะมีความสุขและมีประสิทธิภาพในการทำงาน" "น.ส.แรมรุ้ง" อธิบาย
"น.ส.แรมรุ้ง" บอกต่อว่า พม.ให้ความสำคัญ เคารพในคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียมกันไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีเชื้อชาติใด สีผิวแบบไหน เพศอะไร ใช้ภาษาใด นับถือศาสนาใด รวมถึงความเชื่อทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน
และไม่ว่า สถานภาพอื่นๆ ที่ติดตัวมา ทั้งเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ คนไร้ที่พึ่ง กลุ่มชาติพันธุ์ หรือผู้ที่มีความหลากหลายในสถานะทั้งหลาย ที่อยู่ในประเทศไทยและในโลกนี้ ท่ามกลางสังคมปัจจุบันที่มีทั้งความหลายหลายและความเคลื่อนไหว และความเห็นที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดก็เพื่อผลักดันให้สังคมเต็มไปด้วยความเสมอภาคในทุกมิติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กฎหมาย "สมรสเท่าเทียม" ขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ระหว่างรอเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลชุดใหม่ หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียที่อนุญาต "สมรสเท่าเทียม" ส่วนประเทศแรกคือ ไต้หวัน
"น.ส.แรมรุ้ง" ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "ความหลากหลายและเท่าเทียมในสังคมยุคใหม่" ในงาน Equity for All เพราะทุกคนเท่ากัน ณ โรงภาพยนตร์ที่ 6 พารากอน ซีนีเพล็กซ์ จัดโดยโพสต์ทูเดย์และเครือเนชั่น กรุ๊ป อีกว่า จากรายงานการศึกษาและประเมินความก้าวหน้า การขับเคลื่อน SDG (เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน) ของแต่ละประเทศ พร้อมกับการจัดอันดับ SCG INDEX 2023 พบว่า ไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 44 จากทั้งหมด 163 ประเทศ เมื่อเทียบกับในระดับภูมิภาคเอเซีย ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 3 รองจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรั้งอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศอาเซียนมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน