เปิดใจเหยื่อ "บูลลี่" จุกอกทุกครั้ง ลืมไม่ลง แต่ไม่เอามาทำร้ายชีวิตอีก
เปิดใจเหยื่อเคยโดน "บูลลี่" รู้สึกจุกอกทุกครั้งที่โดนแกล้ง ดิ่งจนเคยคิดสั้น จำภาพเหตุการณ์ไม่ลืม แต่ไม่เก็บเอามาทำร้ายชีวิตตัวเองอีก
จากประสบการณ์ตรงของผู้ที่เคยถูกกลั่นแกล้งหรือ "บูลลี่" ร้อยทั้งร้อยในเวลานั้นไม่มีใครรู้สึกสนุก หรือ ตลกไปด้วย ดังนั้นก่อนที่จะคิด "บูลลี่" พูดแย่ ใครสักคนควรคิดก่อนเสมอว่าสิ่งที่พูดไปนั้นจะไปกระทบความรู้สึกของเขาหรือไม่ เพราะบางคนคำพูดบางคำ การกระทำบางอย่าง ฝั่งลึกและทำร้ายจิตใจ ทำลายความเชื่อมั่นของคนที่ถูกกระทำได้อย่างไม่จบไม่สิ้น
คมชัดลึกออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ที่ตกอยู่ในภาวะถูกกลั่นแกล้ง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่าถูก "บูลลี่" มาตลอดในช่วงที่เรียนประถม แต่วันนี้เธอสามารถกลับมายืนหยัดและใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเองได้อีกครั้ง จากการเอาใจใส่ดูแลจากคนในครอบครัว ทำให้เด็กหญิงคนนึงที่กลายเป็นคนขาดความมั่นใจ พูดน้อย ไม่เป็นตัวของตัวเอง ได้กลับมามีโลกของตัวเองอีกครั้ง และก้าวผ่านเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตมาได้อย่างเข้มแข็ง
- โดน "บูลลี่" ครั้งแรก แต่กลับจดจำไม่มีวันลืม
น้องแตงโม อายุ 20 ปี เด็กหญิงที่เคยกลายเป็นเหยื่อ "บูลลี่" เปิดใจกับ ทีมคมชัดลึกออนไลน์ ว่า จำได้แม่นยำว่าตอนแรกที่ถูกเพื่อนแกล้งคือช่วงที่เรียนป.2 เพื่อนคนนั้นเริ่มต้นด้วยการล้อชื่อ พ่อ แม่ และล้อชื่อตัวเอง ตอนนั้นรู้สึกไม่พอใจและโมโหมาก จนไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนคนนั้น เพราะรู้สึกรำคาญใจตลอดเวลา ในช่วงที่โดนแกล้งจะเล่าให้แม่ฟังตลอดซึ่งแม่ก็พยายามบอกให้เราอดทน
ผ่านช่วงประถมต้นไปแล้วก็ยังไม่จบสิ้นกับการถูกล้อ พอในช่วงประถามตอนปลายก็ถูกกลุ่มเพื่อนผู้หญิงแกล้ง หรือ "บูลลี่" แต่ครั้งนี้พฤติกรรมโตขึ้นไม่ล้อชื่อพ่อชื่อแม่เหมือนเดิม น้องแตงโมเล่าว่า ในวัยนั้นเป็นวัยที่เรากำลังอยากพูดคุยกับเพื่อน ๆ เสนอความเห็นตามอยากมีส่วนร่วมในวงสนทนา แต่กลับโดนเพื่อนพยายามพูดขัดว่าด้วยประโยคที่ว่า "อะไร" "ทำไม" "ใครถาม" ซึ่งประโยคเล่านี้ทำให้ตนเองขาดความมั่นใจที่จะพูด และไม่กล้าแสดงความคิดเห็นไปเลย
แต่เรื่องที่ทำให้ฝั่งใจและกระทบจิตใจมากที่สุดและไม่เคยลืมคือการโดนแกล้งด้วยการฉีกสมุดวาดภาพ ซึ่งเป็นชิ้นงานที่ตั้งใจวาดมาก ๆ เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ฝั่งใจมากที่สุดและตอนนี้ก็ยังรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่กลับไปคิดถึง และยังถามกับตัวเองเสมอว่าคนนั้นทำไปทำไม ทำไปเพื่ออะไน แต่โชคดีที่ช่วงนั้นเจออาจารย์ใจดีและคอยดูแล รวมทั้งยังมีแม่ที่อยู่ข้าง ๆ
- ผ่านจุดที่โดนกลั้นแกล้งหรือ "บูลลี่" จนอยากฆ่าตัวตายมาแล้ว
น้องแตงโม ยังแชร์ประสบการและความรู้สึกของช่วงวัยที่โดน "บูลลี่" มาอย่างหนักหน่วงด้วยว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งแต่จำได้ไม่แม่นว่าเหตุการณ์อะไร จำได้แค่ว่าตอนนั้นรู้สึกดิ่งและเครียดอะไรสักอย่างจนอยากหายไปจากตรงนั้น ตัดสินใจหยอบกรรไกรขึ้นมาเพื่อที่จะแทงตัว ซึ่งปรากฎว่าเพื่อนคนที่บูลลี่เรา หรือคนอื่นๆ กลับยุให้เราเอากรรไกรแทงตัวเองจริง ๆ โชคดีที่ตอนนั้นเรากลัวเจ็บเลยไม่คิดทำร้ายตัวเอง
หากถามว่าตอนนั้นมีวิธีการจัดการชีวิต อารมณ์ยังไง น้องแตงโม เล่าว่า พอเราเป็นเด็กเราก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธ และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแกล้งเราแบบนี้ แต่ตอนนั้นความรู้เหล่านั้นมันจางลงไปมาก แต่ไม่ว่ายังไงคนที่โดนกลั่นแกล้งหรือ "บูลลี่" ก็ไม่สามารถลืมเรื่องราวในอดีตได้ รู้สึกจุกอกทุกครั้งที่แกล้ง ทุกครั้งที่โดนเราจะต้องหาอย่างอื่นทำเพื่อให้เราไม่ไปโฟกัสกับเรื่องที่โดนล้อ หรือ โดนว่า เพราะทุกเวลาที่เราโดน "บูลลี่" มันเหมือนมีอะไรมาจุกที่อก แต่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีแม่คอยอยู่ข้าง ๆ
"การ "บูลลี่" ไม่ใช่เรื่องดีและควรหมดไปอยากโรงเรียน การล้อเรื่องรูปร่าง หน้าตา ไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นในวัยเด็กอาจจะล้อแค่ระดับนึงแต่พอโตขึ้นก็ล้อกันแรงขึ้นเรื่อยๆ เด็กบางคนรับได้ แต่บางคนรับไม่ได้ และบางเรื่องก็มักจะกระทบจิตใจคนฟังอย่างมาก ตัวเองในฐานะคนที่เคยผ่านจุดที่จิตใจแย่ที่สุดมาแล้วอยากแนะนำว่าเด็ก ๆ ที่ถูกแกล้งควรหาที่ที่เราสบายใจ หรือคนที่เราสบายใจจะคุยด้วย เพราะการปลอบใจและการเข้าใจช่วยให้มากจริงๆ" น้องแตงโมกล่าวสรุป
ปัจจุบันน้องแตงโม อายุ 20 ปี กำลังเรียนที่วิทยาลัยช่างศิลป์ ซึ่งเธอเปิดใจว่าช่วงชีวิตการเรียน ปวส. เป็นช่วงที่เธอได้มีชีวิตเป็นของตัวเองมากที่สุด อาจจะเจอเพื่อนแซวบ้าง แต่เราก็แซวเพื่อนกลับ เหมือนกับว่าตอนนี้วุฒิภาวะ อารมณ์ มันเริ่มโตขึ้นเลยไม่ได้คิดมาก หรือกังวลกับเรื่องเพื่อนมาแหย่ หรือ ล้อเล่นเหมือนที่ผ่านมา