ครม.ไฟเขียว ปรับขึ้น "ค่าแรง" 17 อาชีพ เริ่มต้น 465 บาท สูงสุด 715 บาท
ครม.ไฟเขียวเห็นชอบ ปรับขึ้น "ค่าแรง" 3 สาขา 17 อาชีพให้สอดคล้องกับความสามารถของแรงงาน เริ่มต้นที่ 465- 715 บาท
วันที่ 31 ม.ค. 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น "ค่าแรง" 17 สาขาอาชีพ ตามที่ กระทรวงแรงงาน ได้เสนอเพื่อเป็นการปรับอัตราค่าแรงงานให้มีความเหมาะสมกับความสามารถ
โดยการปรับอัตราค่าแรงครั้งนี้จะอยู่ใรสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการของตลอด "ค่าแรง" และผู้ที่จะได้ปรับขึ้นค่าแรงจะต้องได้รับใบรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานแล้วเท่านั้น
สำหรับรายละเอียดการปรับขึ้นอัตรา "ค่าแรง" ตามมติ ครม. ทั้ง 3 สาชา 17 อาชีพ มีรายละเอียดดังนี้
สาขาช่างอุตสาหกรรม
1.ช่างระบบถ่ายกำลัง 495 บาท /วัน
2.ช่างระบบปั๊มและวาล์ว 515 บาท/วัน
3.ช่องประกอบโครงสร้างเหล็ก 500 บาท/วัน
4.ช่างปรับ 500 บาท/วัน
5.ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก-แม็กด้วยหุ่นยนต์ 520 บาท/วัน
5.ช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม 545-715 บาท/วัน
สาขาช่างเครื่องกล
7.ช่างซ่อมรถแทรกเตอร์การเกษตร 465-620 บาท /วัน
8.ควบคุมเครื่องจักรรถตักหน้าขุดหลัง 585 บาท/วัน
9.ควบคุมเครื่องจักรรถขุด 570 บาท/วัน
10.ควบคุมเครื่องจักรรถลากจูง 555 บาท/วัน
11.ควบคุมเครื่องจักรตัก 520 บาท/วัน
สาขาภาคบริการ
12นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (โภชนบำบัด) 500-600 บาท/วัน
13.นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (นักวารีบำบัด) 500-600 บาท/วัน
14.นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (สุคนธบำบัด) 500-600 บาท/วัน
15.พนักงานผสมเครื่องดื่ม 475-600 บาท/วัน
16.การเลี้ยงเด็กปฐมวัย 530 บาท/วัน
17.ช่างเครื่องช่วยคนพิการ 520-600 บาท/วัน
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ปี 2555 คณะกรรมการจ้าชุดที่ 18-21 ได้กำหนดอัตรา "ค่าแรง" ตามมาตรฐานฝีมือแรงแล้วจำนวน 112 สาขา เมื่อรวมกับที่กำหนดใหม่ในครั้งนี้อีก 17 สาขา รวมเป็น 129 สาขา
ทั้งนี้การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานจะส่งผลให้ลูกจ้างที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ มีค่าจ้างที่เหมาะสมเป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือแรงงาน ความรู้ ความสามารถและการจ้างงานในตลาดแรงงาน ส่วนลูกจ้างทั่วไปการปรับ "ค่าแรง" ถือเป็นแรงจูงใจให้มีการพัฒนาฝีมือแรงงานและเข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น ด้านผู้ประกอบการสามารถคัดเลือกแรงงานที่ฝีมือดีเข้าทำงาน ซึ่งจะทำให้สินค้าและบริการมีคุณภาพและมาตรฐาน ลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนการผลิตเพราะจะไม่เกิดความผิดพลาดระหว่างการผลิต
รวมทั้งการปรับอัตรา "ค่าแรง" ใน 17 สาขาอาชีพจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานกึ่งฝีมือและแรงงานฝีมือในสาขาอาชีพที่ขาดแคลน นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพิ่มศักยภาพแรงงานไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งในปละต่างประเทศ
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า การ ปรับ "ค่าแรง" ให้มีความเหมาะสมกับความสามารถในอีก 17 สาขาอาชีพ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ รวมเป็น 129 สาขา ค่าแรง 17 สาขาอาชีพครั้งนี้ ได้ผ่านการเห็นชอบจากครม.เป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นทักษะที่แรงงานสามารถผ่านการทดสอบหลักสูตรของกระทรวงแรงงาน เมื่อผ่านแล้วนายจ้างต้องปรับค่าแรงให้ตามประกาศใหม่ที่ผ่านครม.ครั้งนี้ หากไม่ปรับอัตราค่าแรง จะมีโทษจำคุก 6 เดือน รับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับขั้นตอนต่อไปหลังจากเสนอมายัง ครม.แล้ว กระทรวงแรงงานจะนำรายละเอียดทั้งหมดประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครม.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเร่งสร้างทักษะฝึกอาชีพให้กับแรงงานชาวไทย ให้สอดคล้องกับเทรนด์การจ้างงานในปัจจุบันด้วย