'ปรับค่าแรงขั้นต่ำ ปี 2566' เสนอ 425-723 นักวิชาการหนุนปรับ 5%
ผู้นำลูกจ้างเสนอ 'ปรับค่าแรงขั้นต่ำปี 2566' เป็น 425-723 บาท ด้านนักวิชาการหนุนปรับ 5% ให้ค่าจ้างโตทันเงินเฟ้อ พบในรอบ 50 ปี 'ค่าแรงขั้นต่ำ' เพิ่มมา 321 บาท
นายชาลี ลอยสูง ผู้แทนลูกจ้าง จากสมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) Thai Labour Solidarity Confederation (TLSC) หรือ "คณะกรรมการสมานฉันท์" บอกว่า ตอนนี้ยังยืนยันตัวเลขเดิมขั้นต่ำที่ 492 บาท และข้อเสนอเชิงนโยบายคือต้องเปลี่ยนคำนิยามจาก "ค่าแรงขั้นต่ำ" เป็น "ค่าจ้างแรกเข้า" และให้รัฐบาลออกกฎหมายให้ทุกบริษัทมีโครงสร้างค่าจ้าง หมายความว่า จะต้องให้แต่ละบริษัท "ปรับค่าแรงขั้นต่ำปี 2566" รายปีตามผลงานประเมิน อย่างน้อยต้องไม่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อของแต่ละปี และบวกด้วยการประเมินผลงานของแต่ละคนตามโครงสร้าง
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันรัฐบาลได้เปลี่ยนคํานิยาม "ค่าแรงขั้นต่ำ" ใหม่ว่าหมายถึง “อัตราค่าจ้างที่เพียงพอสำหรับแรงงานทั่วไปแรกเข้าทำงาน 1 คน (ไม่รวมสมาชิกในครอบครัว) ให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามสมควรแก่มาตรฐานครองชีพ สภาพเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเหมาะสมตามความสามารถของธุรกิจในท้องถิ่นนั้น
นิยามใหม่นี้ทำให้มาตรฐานการคุ้มครองลูกจ้างลดต่ำลงจากนิยามแรกที่รวมถึงการครองชีพของคนในครอบครัวที่อาจไม่ได้ทำงานที่ได้รับค่าแรงถึง 2 คน เช่น แม่บ้านที่ต้องดูแลลูก หรือบิดามารดาที่ป่วยหรือสูงอายุจนไม่สามารถทำงานได้ รวมไปถึงไม่สอดคล้องกับแนวคิดค่าแรงขั้นต่ำระดับนานาชาติในปัจจุบันที่กำหนดโดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ที่ต้องครอบคลุมทั้งความต้องการของแรงงานและครอบครัวด้วย
- ค่าแรงขั้นต่ำลูกจ้างต้องการ
-คณะทำงานฯ กมธ.การแรงงาน 723 บาท
-เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน 495 บาท
-สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) 492 บาท
-สมัชชาแรงงาน 425 บาท
- ค่าแรงขั้นต่ำพรรคการเมืองเสนอ
พรรคเพื่อไทยเสนอที่ 600 บาท ภายในปี 2570 และเงินเดือนวุฒิปริญญาตรี เริ่มต้น 25,000 บาท ซึ่งมากกว่านโยบายหาเสียงเลือกตั้งปี 2562 ของพรรคเพื่อไทย ที่เสนอที่ 400 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญาตรี เริ่มที่ 18,000 บาทต่อเดือน
พรรคก้าวไกลเสนอที่ 450 บาท ทั่วประเทศทันทีหลังจากได้รับเลือกเป็นรัฐบาล โดยช่วง 6 เดือนแรก รัฐบาลจะช่วยสมทบเงินประกันสังคมในส่วนของผู้ว่าจ้าง และสำหรับแรงงานที่ถูกกระทบโดยการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และจะปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นทุกปี โดยการแก้ไขกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ปี 2541 มาตรา 87 โดยคำนึงถึงค่าครองชีพ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ระหว่าง 2 ปัจจัยนี้ หากปัจจัยใดเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่า ก็ให้นำมาเป็นฐานในการคำนวณปรับ "ค่าแรงขั้นต่ำ" ขั้นต้น ที่จะนำไปพิจารณาหารือในคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ในแต่ละปี เป็นต้
หาก "ค่าแรงขั้นต่ำ" เป็นจริงได้ตามที่พรรคการเมืองเสนอ นั้นหมายความว่า อัตรา "ปรับค่าแรงขั้นต่ำปี 2566" ในห้วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ค่าจ้างขึ้นมา 438 บาท และ 588 ในห้วงเวลา 54 ปี (คำนวณตามตัวเลข 600 บาทภายในปี 2570) และตัวเลขปัจจุบันอยู่ที่ 321 บาท เพราะประเทศไทยได้ประกาศอัตราค่าแรงขั้นต่ำขึ้นบังคับใช้เป็นครั้งแรกวันที่ 16 เม.ย. ปี 2516 โดยตั้งอัตราค่าจ้างขั้นต่ำต่อวันที่ 12 บาทต่อวัน
รศ.ดร.กิติยา กุลกลการ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวด้วยว่า ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อมากกว่าผู้ที่มีรายได้สูง ฉะนั้น ในสถานการณ์ที่ค่าครองชีพสูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งถึงระดับ 7% จึงถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการปรับขึ้น "ค่าแรงขั้นต่ำ" ทั่วประเทศ โดยสัดส่วนการปรับ 5% ตามมติคณะกรรมการค่าจ้างนั้นจะสามารถช่วยแรงงานได้ระดับหนึ่ง
รศ.ดร.กิริยา กล่าวต่อไปว่า เงินส่วนใหญ่ของคนจนหรือคิดเป็น 45% ของรายได้ ต้องถูกใช้ไปสำหรับการบริโภคอาหาร ขณะที่คนรวยจะมีค่าใช้จ่ายค่าอาหารคิดเป็นเพียง 27% ของรายได้เท่านั้น ตรงนี้สะท้อนว่าในความเป็นจริงแล้วคนจนได้รับผลกระทบจากภาวะ "เงินเฟ้อ" ที่สูงกว่า 7% ด้วยซ้ำ
รศ.ดร.กิริยา กล่าวเสริมอีกว่า หากเปรียบเทียบอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่กำลังจะปรับใหม่กับอัตรา "ค่าแรงขั้นต่ำ" ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าคนจนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นเพียง 15 บาทต่อวันเท่านั้น โดยในอดีตกลุ่มคนจนจะจับจ่ายใช้สอยอยู่ที่ 318 บาทต่อวัน ขณะที่ค่าจ้างใหม่จะทำให้ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 333 บาทต่อวันเท่านั้น
"ถ้าคิดต่อปี 22 วันต่อเดือนแล้วคูณ 12 เดือนเข้าไป เบ็ดเสร็จเขาสามารถจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3,960 บาทต่อปี ซึ่งก็คิดเป็นประมาณ 4.72% ทีนี้ถ้าเราไปดูจีดีพี ซึ่งคือรายได้รวมของทั้งประเทศ 10 ปีตรงนี้มันโต 20% ฉะนั้นมันก็เหมือนว่ารายได้ของกลุ่มคนรายได้น้อยโตช้ากว่าเศรษฐกิจที่มันโตขึ้น มันก็สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำตรงนี้และชีวิตที่ค่อนข้างจะลำบาก” รศ.ดร.กิริยา ระบุ
ข้อมูล:องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO)
ภาพ:เว็บไซต์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์