ชีวิตดีสังคมดี

จิตแพทย์วิเคราะห์ พฤติกรรมความรุนแรง ในเหตุ 'จีจี้ สุพิชชา' ถูกแฟนทำร้าย

จิตแพทย์วิเคราะห์ พฤติกรรมความรุนแรง ในเหตุ 'จีจี้ สุพิชชา' ถูกแฟนทำร้าย

21 เม.ย. 2566

จิตแพทย์ วิเคราะห์ พฤติกรรมความรุนแรง จากเหตุการณ์ 'จีจี้ สุพิชชา' ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ครอบครัวอาจไม่ใช่ต้นเหตุของพฤติกรรมทั้งหมด บางรายมองความรุนแรงเป็นการแสดงถึงความรัก

พฤติกรรมความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง และเกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ใช่แค่เหตุการณ์การจากไปของเน็ตไอดอลสาวอย่าง "จีจี้ สุพิชชา" ที่ถูกแฟนหนุ่มอย่าง อิคคิว ทำร้ายร่างกายซ้ำๆ ขนถึงขั้นใช้อาวุธปืนยิงตนเสียชีวิต เท่านั้น  เพราะในประเทศไทยเกิดเหตุการณ์ผู้หญิงโดนทำร้ายร่างกายจำนวนมาก แต่เพียงแค่ไม่ปรากฎในสื่อสังคมออนไลน์แค่นั้น  

 

 

 

ข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า  มีผู้หญิง ช่วงอายุ 15 – 49 ปี ประมาณ 3 คน จาก 100 คน ถูกสามีทำร้าย ราวๆ  2.9%  ตัวเลขดังกล่าวอาจจะดูไม่เยอะมาก แต่ก็นับว่าผู้หญิงถูกทำร้ายร่างกาย โดยเฉพาะ 'ผู้หญิง' ในกลุ่มอายุ 15–19 ปี ถูกทำร้ายมากที่สุดประมาน 6.3%

สำหรับพฤติกรรมความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างคู่รักนั้น ไม่ใช่เรื่องปกติ และสังคมไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องปกติ หรือมีใครที่สมควรจะโดนทำร้ายทั้งสิ้น เพราะอย่าลืมว่า เราไม่ใช้เจ้าของชีวิตใคร และไม่มีสิทธิไปละเมิดชีวิตใคร หรือ พิพากษาชีวิตใครทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงกับ "จีจี้ สุพิชชา" จนทำให้เธอเสียชีวิตนั้นมีการตั้งคำถามมากมาย โดยเฉพาะปมพฤติกรรมของฝ่ายชาย และการเลี้ยงดูที่จากครอบครัว  

  • ความรุนแรงที่เกิดกับ  "จีจี้ สุพิชชา" เพราะสภาพแวดล้อม หรือมีโรคจิตเภทร่วมด้วย 

 

โดย ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นโฆษก กรมสุขภาพจิต อธิบายถึง พฤติกรรมความรุนแรงโดยทั่วไป ว่า พฤติกรรมการใช้ความรุนแรง หากจะพิจารณาแค่การเลี้ยงดูภายในครอบครัวอย่างเดียวคงไม่ได้  เพราะคนที่มีพฤติกรรมรุนแรง หรือขอบใช้ความรุนแรงกับผู้อื่นนั้น มีปัจจัยมาจากหลายอย่าง เช่น บางคนเคยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เกิดความรุนแรงทั้งในครอบครับ โรงเรียน มาโดยตลอดจนเกิดการซึมซับพฤติกรรมนั้น และมองว่าการให้ความรุนแรงกับผู้อื่นเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ หรือในบางคนมีประสบการณ์ในวัยเด็กที่ไม่ดี และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการกระทำรุนแรงมาตลอดจนเกิดความเคยชินกับความรุนแรง และเข้าใจผิดคิดว่าสามารถกระทำกับผู้อื่นได้  

 

นอกจากนี้ยังพบว่ามีคนที่ชอบให้ พฤติกรรมความรุนแรง กับผู้อื่น เพราะมีปัญหาทางจิตบางคนพบว่าเป็นโรคจิตเวช เช่น โรคสมาธิสั้น  โรคที่มีความบกพร่องทางบุคลิกภาพ โรคต่อต้านสังคม  รวมไปถึงการใช้ความรุนแรงเพราะยาเสพติดที่พบว่าปัจจุบันเกิดขึ้นจำนวนมาก 

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม ความรุนแรง ที่เกิดขึ้นจนถึงแก่ชีวิตนั้น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยเรื่องการเข้าถึงอาวุธมาเกี่ยวข้องด้วย เพราะอาวุธเป็นเครื่องมือที่ทำให้หลายคนใช้ทำลายชีวิตผู้อื่น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เข้าถึงอาวุธได้ง่าย ๆ  อย่างที่มีการนำเสนอข่าวบ่อยครั้ง 

 

 

  • วิเคราะห์พฤติกรรมการเลี้ยงลูกแบบ สปอย ต้นเหตุ พฤติกรรมความรุนแรง ครั้งนี้หรือไม่ 

 

ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่าพฤติกรรมการทำร้ายร่างกายของบางคนมีต้นเหตุมาจากการเลี้ยงดูแบบตามใจ หรือที่เรียกว่า สปอย หรือไม่นั้น ดร.นพ.วรตม์  อธิบายว่า คนที่ถูกครอบครัว หรือ คนรอบข้าง สปอย ไม่จำเป็นจะต้องมีพฤติกรรมที่รุนแรง เพราะการถูก สปอย มีหลายรูปแบบ บางคนที่บ้าน สปอยตามใจเรื่องเงิน เรื่องการใช้ชีวิต ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรุนแรงแต่อย่างใด แต่ต้องทำความเข้าใจว่าการ สปอยมีหลากหลายรูปแบบ แต่ในกรณีที่ตามใจเรื่องส่งเสริมให้ใช้ความรุนแรงแบบไม่ห้ามปราม ยอมรับค่านิยมความรุนแรง เช่น การแกล้งสัตว์เลี้ยง ถือว่าเป็นการสร้างนิสัย และปลุกฝังความรุนแรงได้ หรือในบางกรณีอยู่ในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงบ่อยครั้ง และถูกสอนให้เข้าใจผิดว่าการให้ความรุนแรงเป็นวิธีการแสดงความรักอีกรูปแบบหนึ่งนั้น เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะปลูกฝังนิสัยความรุนแรงแบบไม่รู้ตัวให้แก่ลูก  

 

 

ดังนั้นครอบครัวจึงมีบทบาทที่สำคัญ และสร้างการเรียนรู้ ปลูกฝังพฤติกรรมที่ถูกต้องให้แก่บูตรหลาน  จะต้องสอนให้รู้ว่า เราไม่มีสิทธิที่จะไม่ละเมิดในชีวิตใคร และคนอื่นก็ไม่มีสิทธิมาละเมิดหรือทำร้ายร่างกายเราเช่นกัน