ดราม่าไข่ต้ม สู่การขุดตำรา 15 ปี 'ภาษาพาทีป.5' ก้าวข้ามกระแสวิจารณ์
เจ้ากระทรวงศึกษา "ตรีนุช เทียนทอง" รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) นั่งไม่ติด สั่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทบทวนบทเรียน "ภาษาพาทีป.5" สพฐ.เมินกระแสวิจารณ์เพราะบทเรียนสอนวรรณกรรมให้เด็กรู้คิดวิเคราะห์ ขณะชาวเน็ตขุดไม่จบถูกวิจารณ์ตำราล้าสมัย
"ตรีนุช เทียนทอง" รมว.ศึกษาธิการ พูดถึงประเด็นโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์บทเรียนในหนังสือ "ภาษาพาทีป.5" ว่า ศธ.ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแบบเรียนนี้ และนำเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาแบบเรียนในอนาคตให้ได้แบบเรียนที่มีคุณภาพ
และล่าสุดร้อนไปถึงหู "เกศทิพย์ ศุภวานิช" รองเลขาธิการ กพฐ. ได้สั่งตรวจสอบเนื้อหาในตำราเรียน "ภาษาพาทีป.5" และสั่งการให้คณะกรรมการสำนักวิชาการ หารือกับผู้เขียน แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหา เพื่อการสื่อสารทำความเข้าใจให้ชัดเจนเรื่องโภชนาการอาหารใหม่ ในประเด็นที่ถูกวิจารณ์ว่า ให้เด็กกินข้าวไข่ต้มครึ่งซีกคลุกน้ำปลาเป็นอาหารที่ไม่ครบ 5 หมู่ โดยจะมีการเติมข้อความย้ำว่า เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น
ด้าน "นายอัมพร พินะสา" เลขาธิการ กพฐ. บอกว่า เรื่องนี้ต้องดูที่เจตนารมณ์ของการจัดการเรียนรู้ว่า สพฐ.มีเป้าหมายให้บทเรียนแต่ละบทเรียนสอนเรื่องอะไร โดยกระบวนการเรียนรู้มีขั้นตอนให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้และสื่อประกอบการจัดการเรียนรู้ ประเด็น "ภาษาพาทีป.5" ที่เกิดขึ้นเป็นสื่อประเภทหนึ่งที่ใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นหนังสือเรียน ซึ่งบทเรียนนี้ สพฐ.ต้องการให้นักเรียนนำภาษาไปใช้และการแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดและเห็นคุณค่าของความสุขผ่านบทวรรณกรรม
ดังนั้น คนเขียน "ภาษาพาทีป.5" บทเรียนนี้จึงออกแบบด้วยการกำหนดตัวละครขึ้นในชีวิตจริง มีทั้งคนจนและคนรวย และคนที่เลือกเกิดไม่ได้ ซึ่งเป็นบทบาทสมมติของครอบครัวที่ร่ำรวยอยู่สุขสบายแต่หาความสุขไม่เจอ แต่อีกครอบครัวที่ยากลำบากมีไข่ชิ้นเดียวแบ่งปันกันด้วยความสุข ซึ่งไข่ต้มในบทวรรณกรรมนั้นไม่พูดถึงโภชนาการ แต่เล่าถึงความสุขง่ายๆ จากการแบ่งปัน
"ไม่อยากให้มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้น เพราะการเรียนรู้เรื่องหลักโภชนาการของนักเรียนที่ต้องเรียนรู้มีอยู่ในหลักสูตรวิชาสังคมศึกษา หมวดสุขศึกษาอยู่แล้ว บทเรียนนี้เป็นการเปรียบเทียบให้เด็กวิเคราะห์ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ตรงไหนมากกว่า สพฐ.ไม่กังวลว่าดราม่าที่เกิดขึ้น จะเบี่ยงประเด็นไปในรูปแบบไหน เพราะ เราอยู่ภาคการศึกษา ยินดีที่จะรับฟัง เพราะทุกความคิดมีประโยชน์และทุกคนมีวิจารณญาณในการวิเคราะห์" "นายอัมพร" กล่าว
"นายอัมพร" บอกต่ออีกว่า การจัดทำหนังสือหนึ่งเล่ม สพฐ.ไม่ได้ทำคนเดียว ต้องผ่านกระบวนการการตั้งคณะกรรมการและการตรวจสอบจากนักวิชาการ เข้าใจดีว่า เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ผ่านไป อาจจะต้องปรับเนื้อหาหนังสือให้มีความทันสมัยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บทเรียน "ภาษาพาทีป.5" สพฐ.เปิดโอกาสให้สำนักพิมพ์เสนอขอปรับปรุงสื่อการสอนของตัวเองมาได้ ซึ่งสื่อที่ผลิตใหม่นำเสนอใหม่ ถ้ามีหลักสูตรใหม่เกิดขึ้นมา หลักสูตรเก่าก็ต้องไม่มีการใช้สอนอยู่แล้ว
แม้ สพฐ.ออกมาจี้แจงแล้ว แต่ดูเหมือนว่า ประเด็น "ภาษาพาทีป.5" จะยังไม่จบลงง่ายๆ ล่าสุด ชาวเน็ตได้เปิดตำราเล่มนี้ และพบบทเรียนเรื่อง "ภัยเงียบ" เรื่องราวของ "แพน" ให้ "พี่เจี๊ยบ" ยืมเงิน 6,000 บาท โดยโอนผ่านเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ แต่ "พี่เจี๊ยบ" เงียบหายไป 3 เดือน "แพน" จึงเข้าใจได้เองว่าคงถูกหลอก "พี่ทศ" พี่ชายของ "แพน" สอนน้องสาวว่า "เงินเสียแล้วก็เสียไป หาใหม่ได้ ถ้าแพนต้องเสียตัวหรือเสียชีวิต ครอบครัวเราคงทนไม่ได้แน่ ภัยมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง มันมาโดยที่เราไม่รู้ตัว ไม่ทันระวัง ถือเป็นบทเรียนแล้วกันนะน้อง"
ชาวเน็ตได้อ่านเรื่องนี้แล้วแสดงความเห็นว่า แทนที่จะสอนน้องให้แก้ปัญหาให้ถูกจุดกับสถานการณ์สังคมปัจจบัน เช่น การไปแจ้งความ แต่กลับปล่อยผ่าน แถมยังยัดเยียดคำสอนที่ว่า เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้
อีกหนึ่งบทเรียน "ภาษาพาทีป.5" คือ "ประชาธิปไตยใบกลาง" เรื่องราวของ "ภาณุ" และ "มีดี" ทั้ง 2 ลงสมัครประธานนักเรียน "ภานุ" เป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือ และเป็นนักกีฬาฟุตบอลกองหน้า ส่วน "มีดี" เป็นคนร่ำรวย ชอบให้เงินเพื่อนๆ ซื้อขนม และใช้เงินแก้ปัญหา บทเรียนนี้สรุปให้ทุกคนเลือกคนดีมีความซื้อสัตว์ เป็นประธานนักเรียน
ชาวเน็ตมองว่า การลงคะแนนเลือกตั้งเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล ควรให้ความเคารพสิทธิทุกคน และควรสอนว่า ควรออกไปใช้สิทธิของตัวเองให้มีพลัง ส่วนจะเลือกใครเป็นสิทธิส่วนบุคคล
ขณะที่สื่อการสอน "ภาษาพาทีป.5" เล่มนี้ มีเนื้อหาบอกถึงคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เนื้อหาได้บรรจุคำที่คนไทยมักเขียนผิด
อย่างไรก็ดี พอจะสรุปได้ว่า บทเรียน "ภาษาพาทีป.5" มีหลายมุมมองแสดงความคิดและทัศนคตินักวิชาการด้านการศึกษา และผู้คร่ำหวอดแห่งวงการศึกษา ผ่านกระบวนการการตั้งคณะกรรมการและการตรวจสอบก่อนจะบรรจุเป็นสื่อการเรียนและตีพิมพ์ จะทันสมัยหรือล่าสมัย คำตอบอยู่ที่แต่ละบุคคลมอง ส่วน สพฐ.ได้เปิดโอกาสให้สำนักพิมพ์เสนอขอปรับปรุงสื่อการสอน และจัดทำขึ้นใหม่ได้