ชีวิตดีสังคมดี

'Home school' คืออะไร เรียนแบบไหน ทำไม เสธ.หิ แนะนำ หยก ไปเรียน

'Home school' คืออะไร เรียนแบบไหน ทำไม เสธ.หิ แนะนำ หยก ไปเรียน

26 มิ.ย. 2566

เรียนแบบ 'Home school' คืออะไร เรียนแบบไหน การเรียนเองที่บ้านดีกว่าเรียนที่โรงเรียนยังไง ทำไม เสธ.หิ แนะนำ หยก ให้ไปเรียนถ้าไม่อยากแต่งชุดนักเรียน

กระแสเอาไม่เอาชุดนักเรียน กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมที่เกิดการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แวดวงผู้ปกครอง ตัวนักเรียนเอง ยันฝ่ายบริหาร และฝ่ายการเมือง  หลายคนเห็นด้วยกับการยกเลิก บางคนบอกว่าควรให้นักเรียนเป็นคนเลือกเองว่าวันไหนอยากใส่ชุดอะไร อาจจะสลับๆ กันไปบ้าง หรือขณะที่บางคนบอกว่าไม่ควรยกเลิกการใส่ชุดนักเรียน  

 

 

ประเด็นการเอาหรือไม่เอาชุดนักเรียน เริ่มต้นจากที่  น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี แต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียน พร้อมกับเรียกร้องให้หน่วยงานที่กำกับดูแล ยกเลิกการบังคับให้ชุดนักเรียนไปเรียนได้แล้ว เรื่องราวของ หยก ต่างมีผู้ใหญ่กระโดดเข้ามาวิจารณ์มากมายทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่ล่าสุดดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือ เสธ.หิ กล่าวถึงประเด็นเสรีภาพทางการศึกษา ผ่านรายการ “คุยกับ ดร. หิมาลัย” โดยนำเอาน้องหยกมาเป็นกรณีศึกษา โดยบางช่วงบางตอนมีการระบุว่า หากไม่อยากก็ให้ไปเรียน กศน. หรือ "Home School" แล้ว  "Home school"  คืออะไรทำไมต้องให้เด็กที่ไม่อยากใส่ชุดนักเรียนเลือกการเรียนรูปแบบนี้ 

สำหรับการเรียนแบบ  "Home school" ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย โดยการเรียนแบบดังกล่าวนั้น เป็นการเรียนที่ผู้เรียน ผู้ปกครอง สามารถเลือกเรียนที่บ้านของตัวเองแทนการไปเรียนโรงเรียนปกติ โดยที่ผู้ปกครองจะเป็นคนวางแผนรูปแบบการเรียนการสอนเองตามความสนใจของผู้เรียน การเรียนแบบนี้ค่อนข้างยืดหยุ่น และยังสามารถทำให้ผู้เรียนสามารถค้นพบความถนัดที่แท้จริงของตัวเอง  การทำ "Home school" สามารถทำได้ตั้งแต่ ชั้นอนุบาลไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 

  • การทำ "Home school" มีกี่รูปแบบ 

การเรียนแบบ  "Home school" สามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ 

1.การเรียนแบบที่ไม่ต้องการวุฒิการศึกษา การเรียนในลักษณะนี้จะไม่ยุ่งยากมากนัก ผู้ปกครองสามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามความเหมาะสมของแต่ละครอบครัวได้

2.การเรียนแบบที่ต้องการวุฒิการศึกษา การเรียนเพื่อให้ได้วุฒิการศึกษา สามารถเลือกได้จากหลากหลายช่องทาง  ดังนี้ การยื่นขออนุญาตจดทะเบียนกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาโดยตรง 

-ระดับอนุบาล และปถมศึกษา โดยสามารถยื่นขออนุญาตจดทะเบียนได้ที่สำนักงานเบตพื้นที่การศึกษา  
-มัธยมต้น ยื่นขออนุญาตจดทะเบียนได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา 
-มัธยมศึกษาตอนปลาย ยื่นขออนุญาตจดทะเบียนได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา

 

 

  • สำหรับข้อดี-ข้อเสียของ "Home school" แตกต่างกันอย่างไร 

ข้อดี 
เด็กสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจ แบบไม่ต้องพึ่งหลักสูตรกลาง พ่อแม่มีเวลาเอาใจใส่ และอยู่กับลูกมากขึ้น สามารถจัดสรรรูปแบบการเรียนได้ตามงบประมาณของครอบครัว  มีความยืดหยุ่น เด็กเรียนจบหลักสูตรได้ไวกว่าการเรียนปกติทั่วไป 

 

 

ข้อเสีย 
เด็กที่เรียน "Home school" อาจจะขาดทักษะการเข้าสังคม ดังนั้นควรจะมีช่วงที่ให้เด็กได้เข้าสังคมบ้าง การเรียนแบบนี้ไม่เหมาะกับพ่อ แม่ที่ไม่มีเวลาให้ลูก

 

 

อย่างไรก็ตามการเรียนแบบ "Home School" นักเรียนสามารถสอบเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้เช่นกัน