เส้นทางกว่า 60 ปี จากท่าเรือคลองเตย สู่ชุมชนแออัดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ความพยายาม "รื้อคลองเตย" เริ่มมาตั้งแต่ก่อสร้างท่าเรือคลองเตยแล้วเสร็จ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ หากนับเวลาก็ไม่ต่ำ 50-60 ปี คนที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นคนมีรายได้น้อย อพยพมาจากต่างจังหวัด เหตุใดปัญหาจึงยืดเยื้อ จุดเริ่มต้นเกิดจากอะไร สรุปครบจบที่นี่
อีก 10 ปีข้างหน้าภาพเหล่านี้อาจไม่ได้เห็นในชุมชนคลองเตย เพราะตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ฉบับแรกของประเทศไทย พื้นที่ท่าเรือกรุงเทพฯ หรือท่าเรือคลองเตยจะถูกยกระดับให้เป็นท่าเรือทันสมัย สะดวก รวดเร็ว มีศักยภาพรองรับธุรกิจพาณิชยนาวี ส่งเสริมระบบโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในชื่อ "สมาร์ท คอมมูนิตี้" จึงเป็นที่มาของการ "รื้อคลองเตย"
60 ปีให้หลัง ทางการมีความพยายามขอคืนพื้นที่มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ สุดท้ายรัฐฯ ล่าถอย แต่ไม่สุด เข้าๆ ออกๆ เพราะต้องตามแผน กระทั้งปี 62 กระทรวงคมนาคมประกาศอัดงบประมาณ 7,500 ล้านบาทย้ายชุมชนคลองเตย 13,000 ครัวเรือนออกจากพื้นที่ แต่จนแล้วจนเหล่าก็ไม่สามารถย้ายได้
การขอคืนพื้นที่ "ชุมชนคลองเตย" เริ่มมาตั้งแต่ปี 2510 ต้นๆ หลังจากแรงงานทางภาคอีสานอพยพเข้ามารับจ้างฐานทัพสหรัฐอเมริกาที่ท่าเรือคลองเตย รวมถึงแรงงานรับจ้างก่อสร้างท่าเรือแห่งนี้ แต่เมื่อฐานทัพสหรัฐฯ ย้ายกลับ ท่าเรือแล้วเสร็จ แรงงานไม่ยอมกลับบ้าน ชุมชนขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รวม 31 ชุมชน 13,000 ครัวเรือน บนพื้นที่ 197 ไร่
"คุณยายรัศมี สกุลโฟน" วัย 76 ปี คือ 1 ในผู้อาศัยในชุมชนคลองเตยมาตั้งแต่ปี 2520 ตอนนั้นเป็นแม่ค้าขายผักดองในตลาดคลองเตย ราวๆ ปี 2540 ทางการเริ่มเข้าพื้นที่มาขอ "รื้อคลองเตย" เรื่อยๆ แต่ยังไม่มีความชัดเจนอะไร เธอก็อยู่มาปกติ ระหว่างนั้นก็มีคนเริ่มย้ายออกไปบ้าง ลูกหลานคนรุ่นใหม่ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกบ้าง ส่วนใหญ่จะเหลือแต่ผู้ใหญ่ และคนแก่
จนกระทั้ง กระทรวงคมนาคมออกได้ข้อสรุป 3 แนวทาง ให้เลือกได้ครอบครัวละ 1 แนวทาง คือ 1. ห้องชุดคล้ายคอนโดขนาด 33 ตารางวา ใกล้พื้นที่เดิม โดยอาจจะเก็บค่าเช่าในอัตราเดียวกับการเช่าพื้นที่ของกรมธนารักษ์ในสัญญาระยะยาว 30 ปี 2. ให้ที่ดิน 1 แปลง ขนาด 19.5 ตารางวา ย่านหนองจอก มีนบุรี มูลค่าแปลงละ 300,000 บาท และ 3. รับเงินก้อน กลับภูมิลำเนาเดิม ปรากฏว่า 50% ที่ต้องการห้องชุด 30% ต้องการที่ดิน และอีก 20% ต้องการเงินก้อน
หลังจากนั้น "การท่าเรือ" ได้ไปดำเนินการจัดสรรที่ดินย่านหนองจอก-มีนบุรี แบ่งล็อกพร้อมให้โฉนด แต่ไปๆ มาๆ ไม่มีใครไป ส่วนห้องชุดในโครงการขนาด 33 ตารางวา ประชาชนมองว่า ขนาดเล็กเกินไปสำหรับครอบครัวใหญ่ จึงยังไม่มีข้อสรุป
ต่อมา "การท่าเรือ" เคาะตัวเลขครอบครัวละ 550,000 บาท แต่ชุมชนปฏิเสธ และเสนอตัวเลขไปที่ 1 ล้านบาท
ในขณะที่หลายคนรู้ชะตาว่า ต้องคืนพื้นที่แม้จะผูกพัน แต่ต้องแลกในราคาที่สมเหตุสมผล ทว่ามีส่วนหนึ่งที่แม้จะ "รื้อคลองเตย" ขอใช้ชีวิตที่คลองเตยจนกว่าจะเสียชีวิต เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน
ตามแผนพัฒนาต้องเข้าปรับโฉมตั้งแต่ปี 2563 กำหนดเสร็จปี 2573 แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครเคลื่อนไหว คนในชุมชนเองไม่ตื่นเต้นกับการต้องถูกรื้อ แต่ขอในราคาที่ออกไปแล้วต้องมีชีวิตรอด
และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาขยับประเด็นการย้ายทางเรือคลองเตยออกไปแหลมฉบัง โดยให้ความเห็นว่า แนวคิดย้ายท่าเรือออกไปแหลมฉบัง เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และการจราจร พรรคการเมืองสามารถนำนโยบายไปใช้หาเสียงได้ และเรื่องการย้ายท่าเรือคลองเตยออกไปไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีในแผนพัฒนาประเทศอยู่แล้วฝ
ด้านกระทรวงคมนาคมก็ออกมาบอกว่า ยังไม่มีแผนย้ายท่าเรือคลองเตย เพราะการย้ายออกไปกระทบประเทศด้านเศรษฐกิจ
บทสรุปแล้ว "รื้อคลองเตย" หรือไม่รื้อ แผนยุทธศาสตร์ชาติจะถูกรื้อ หรือเดินหน้าต่อ มิอาจทราบได้ เพราะช่วงนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ต้องติดตามกันต่อ