'ราชกิจจาฯ' ประกาศ ใบรับรองแพทย์แบบใหม่ สอบข้าราชการ ใช้แบบไหนดูที่นี่
เว็บไซต์ 'ราชกิจจาฯ' ประกาศ ใบรับรองแพทย์แบบใหม่ สำหรับสอบข้าราชการ รองรับถอดโรคจิต-โรคอารมณ์แปรปรวนออกจากโรคต้องห้าม ใช้แบบไหนดูที่นี่
เว็บไซต์ "ราชกิจจาฯ" ประกาศคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2566 ลงนามโดย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ประธานคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ. ซึ่งประกาศลงในราชกิจจาฯเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 โดยเนื้อหาระบุว่า
ในประกาศ "ราชกิจจาฯ" ระบุว่า เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญอาศัยอำนาจตามความในข้อ 5 แห่งกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. 2566 ประกอบมติคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ. ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 จึงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรจสุขภาพของผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดังนี้
ผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการพลเรื่อนสามัญ ต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพทั้งทางกายและทางจิต และได้รับการรับรองสุขภาพจากแพทย์แผนปัจจุบันที่ได้ รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรมหรือโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่ง โดยใช้แบบใบรับรองแพทย์แนบท้ายประกาศนี้
และผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญจะต้องยื่นผลการตรวจสุขภาพ พร้อมเอกสารหลักฐานอื่น ภายในระยะเวลาที่หน่วยงานของรัฐกำหนดโดยผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพทั้งหมด
อย่างไรก็ตามประกาศ "ราชกิจจาฯ" เรื่อง ใบรับรองแพทย์แบบใหม่ สอดคล้องกับมติ ครม.ว่า ตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีข้อเสนอแนะต่อสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ( สำนักงาน ก.พ.) เกี่ยวกับร่างกฎก.พ.ว่าด้วยโรค พ.ศ. ... ถึงการกำหนดโรคอันเป็นลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับราชการ ที่เคยประกาศไปแล้ว โดยเป็นการเพิ่มโรคจิต (Psychosis) หรือโรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood Disorders) ที่ปรากฏอาการเด่นชัดรุนแรงหรือเรื้อรัง และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ไว้เป็นการเฉพาะ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าบุคคลที่ป่วยโรค ไม่มีความสามารถในการทำงานใดๆ และอาจเสี่ยงต่อการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน
สำหรับใบรับรองแพทย์แบบใหม่ที่แทบท้ายประกาศฉบับนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้