สรุปหน้าตา "คาสิโน" ถูกกฎหมาย หลายฝ่ายยังกังขาและกังวล กลัวมอมเมาคนในชาติ
สรุปหน้าตา "คาสิโน" ถูกกฎหมาย หลัง กมธ.แจ้งผลการศึกษา แม้หลายฝ่ายยังกังขาและกังวล หวั่นเป็นการส่งเสริมคนในชาติติดพนัน
หลังจากที่ คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึงการมีบ่อน คาสิโนถูกฎหมายในประเทศไทย ได้นำเสนอผลการศึกษา "คาสิโน" แบบถูกกฎหมาย ซึ่งในรายละเอียดมีการระบุว่าประชาชนกว่า 36.38% เห็นด้วยกับการมี "คาสิโน" แบบถูกกฎหมาย และเห็นด้วยกับการที่ภายใน คาสิโนถูกกฎหมาย ควรมีสถานบันเทิงแบบครบวงจรกว่า 80.67%
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าผลการศึกษา "คาสิโน" ถูกหมายยังมีข้อกังขาและถูกตั้งคำถามจากหน่วยงานอิสระมากมาย โดยเฉพาะรายละเอียดในการดูแลกำกับและควบคุม ด้านกฎหมาย ด้านสังคม ด้านคุณภาพชีวิต รวมถึงการป้องกันอาชญากรรม และการฟอกเงิน อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวยังอยู่ในขั้นการศึกษา โดยกมธ.จะมีการนำเสนอต่อสภาอีกครั้งเพื่อนำเสนอแกรัฐบาลให้ทราบถึงผลการศึกษา ทั้งนี้รายละเอียดและข้อกังวลต่าง ๆ จะต้องมีกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาแนวทางอีกครั้ง
สำหรับรายละเอียดผลการศึกษาและหน้าตาคราว ๆ ของ "คาสิโน" ในบ้านเรานั้นมีดังนี้
- สถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) "คาสิโน" ที่ตั้งขึ้นต้องเป็นของรัฐบาลเท่านั้น ไม่ใช่ของเอกชนผู้จัดตั้งจะต้องเป็นกระทรวงการคลังเท่านั้น เว้นแต่รัฐบาลสัมปทานให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการแทน ไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้าของกิจการเหมือนกับต่างประเทศ
- การจัดตั้ง "คาสิโน" ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและเขตพิเศษภาคตะวันออก เป็นพื้นที่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร จากสนามบินดอนเมือง อู่ตะเภา ครอบคลุมพื้นที่ 17 จังหวัด พื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวเมืองหลัก 22 จังหวัด พื้นที่ชายแดนจากสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีด่านตรวจคนเข้าเมืองถาวร 22 จังหวัด
- รัฐบาลควรมีข้อกำหนดในการเข้าเล่นการพนัน เช่น อายุ และจำกัดจำนวนเงินของผู้เล่น เพื่อความเหมาะสมและลดปัญหาอาชญากรรม
- กำหนดให้ผู้ใช้บริการในสถาน "คาสิโน" ต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน อาชีพ และรายได้ที่แน่นอน รวมถึงการจ่ายภาษี โดยรัฐจะต้องกำหนดว่าผู้ที่เข้ามาเล่นจะต้องจ่ายภาษีปีละเท่าไหร่ และจะต้องจ่ายภาษีขั้นต่ำเท่าไหร่จึงละเข้าเล่นได้
- แสดงบัตรประชาชน
- อายุไม่น้อยกว่า 20 ปี
- แสดงที่มาและรายได้ เช่น หลักฐานการเสียภาษี เงินฝากในบัญชี
- การเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อเข้าใช้บริการ
- การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม
ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับกรลงทุน และรูปแบบการเปิด "คาสิโน" ซึ่งยังเป็นข้อกังวลของหลายฝ่ายนั้น รายงานของ กมธ. ระบุไว้ว่า การเปิด "คาสิโน" ถูกกฎหมายนั้นอยู่ในโครงการร้อยละ 5 ของการเปิดสถานบันเทิง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ห้องประชุม นิทรรศการ ร้านค้า ห้องอาหาร การจัดอีเว้นต์ต่าง ๆ โดยการจัดเก็บภาษีจากธุรกิจสถานบันเทิงแบบครบวงจร หรือ คาสิโน จะต้องเอื้อให้ธุรกิจอยู่รอด และเกิดการจ้างงานกับคนจำนวนมาก
ขนาดและรูปแบบสำหรับการเปิด "คาสิโน" ถูกกฎหมายทาง กมธ.ได้ระบุไว้ในรายงานดังนี้
- การลงทุนไซต์ L เป็นการลงทุน 1 แสนล้านบาท โดยจะต้องมีธุรกิจ ดังนี้ โรงแรมขนาด 5 ดาว (Hotel 5 Stars) ศูนย์ประชุมนานาชาติ ศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่ (International Conference & Exibition) ห้างสรรพสินค้าระดับหรูหรา (Department store/Inter national brandname (MAGNET) tourists international Investor) พื้นที่แลนด์มาร์กสำคัญ (landmark) สนามกีฬาระดับนานาชาติครบวงจร และสวนสนุกระดับโลก (Sport complex/amusement park)
- การลงทุนไซต์ M มีขนาดการลงทุนประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท ขึ้นไปตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคใต้ และภาคกลาง
- การลงทุนไซต์ S มีขนาดการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการจัดตั้ง "คาสิโน" ถูกฎหมายจะเป็นแหล่งการฟอกเงิน ของนักการเมือง นักลงทุน หรือไม่นั้น กมธ. ได้เสนอให้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงมหาดไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง พิจารณารายละเอียดและจัดทำร่างพระราชบัญญัติอนุญาให้การพนันออนไลน์หรือธุรกิจ Gaming สามารถดำเนินการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
- เสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการควบคุม กำกับดูแลการพนันออนไลน์ หรือ Gaming ไม่ให้เกิดผกระทบเชิงลบ ในประเด็นการฟอกเงิน
- อย่างไรก็ตามในกรณีที่คาดการว่าการเปิด "คาสิโน" จะมีผลกระทบกับเด็ก เยาวชน และครอบครัว สภาพัฒนาการสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ เป็นผู้ศึกษาผลกระทบทางบวกและลบ พร้อมทั้งหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น