ป่วยหลังสงกรานต์ 'บัตรทองรักษาโควิด' อัพเดท! แนวปฏิบัติได้ที่นี่
หลังสงกรานต์ปีนี้ "โควิด" พุ่ง! อัพเดท "บัตรทองรักษาโควิด" ปรับให้รักษาตามสิทธิ เบื้องต้นเน้นดูแลตัวเอง ถ้าอาการหนักต้องรักษาในโรงพยาบาล เปิดแนวปฏิบัติ 4 ขั้นตอนล่าสุด
"โควิด" ปรับสู่โรคประจำถิ่นตั้งแต่กลางปี 2565 "บัตรทองรักษาโควิด" จึงต้องปรับตามไปด้วย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงมีมติปรับหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลโควิดให้ประชาชนรักษาตามสิทธิสุขภาพ และสิ้นสุดการจ่ายค่ารักษาพยาบาลโควิด โรงพยาบาลนอกระบบ "บัตรทอง" ตั้งแต่เดือนก.ค. ปี 2565 การรักษาตามสิทธิบัตรทองมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรบ้าง วันนี้ "คม ชัด ลึก" ได้รวบรวมมาไว้ที่นี่
- 4 แนวปฏิบัติหลังสงสัยตัวเองมีอาการเข้าข่ายติดเชื้อโควิด
ก่อนอื่นต้องรีบตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ที่หน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่ โดยผู้ประกอบการวิชาชีพทางการแพทย์ (ไม่มีค่าใช้จ่าย) หากผลตรวจขึ้น 1 ขีด ให้ปฏิบัตตามหลัก DMH คือ Distancing (อยู่ห่างไว้) Mask wearing (ใส่มาส์กกัน) Hand washing (หมั่นล้างมือ)
กรณีใช้สิทธิ "บัตรทองรักษาโควิด" ผลตรวจขึ้น 2 ขีด แต่อาการเล็กน้อย (สีเขียว) เข้ารับบริการ ดังนี้ 1. ร้านยาคุณภาพของฉันให้บริการเจ็บป่วยเล็กน้อย ขั้นตอนการรับบริการ ให้ญาติผู้ป่วยเดินทางไปที่ร้านยาที่เข้าร่วม พร้อมกับบัตรประชาชนตัวจริงของผู้ป่วย เพื่อใช้ยืนยันการรับบริการ จากนั้นเภสัชกรประจำร้านยาจะวีดีโอคอลกับผู้ป่วยเพื่อซักถามอาการ
"บัตรทองรักษาโควิด" ในกรณีที่มีการจ่ายยา เภสัชกรจะแนะนำวิธีการใช้ยาด้วย พร้อมกับจ่ายยาโดยให้ญาตินำกลับไปให้ผู้ป่วย ซึ่งในระหว่างนี้ทางร้านยาจะมีการถ่ายภาพการบริการและจ่ายยาเพื่อนำบันทึกในโปรแกรม Amed ใช้เป็นหลักฐานการให้บริการจริง และหลังจากให้บริการ 3 วัน เภสัชกรจะติดตามอาการผู้ป่วยเพิ่มเติม ตรวจสอบรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ https://www.nhso.go.th/downloads/197
2. พบแพทย์ออนไลน์ ส่งยาฟรีถึงบ้านผ่าน 4 แอปพลิเคชัน โดยผู้ป่วย "บัตรทองรักษาโควิด" จะได้รับการซักถามและจ่ายยาตามอาการ (หากอาการเข้าเกณฑ์จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ หรือยาโมลนูพิราเวียร์ตามดุลยพินิจของแพทย์) ไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ผู้ป่วยสามารถเลือกรับบริการผ่าน 4 แอปพลิเคชันสุขภาพ ดังนี้ 2.1 Totale Telemed (โททอลเล่ เทเลเมด) โดย บริษัท โททอลเล่เทเลเมด รับผู้ป่วยโควิดทั่วประเทศ ทั้งกลุ่มเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ กลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี, ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน และหญิงตั้งครรภ์) สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @totale https://lin.ee/a1lHjXZn หรือสายด่วน 0620462944, 0618019577
2.2 แอปพลิเคชัน Clicknic (คลินิก) ให้บริการโดย บริษัท คลิกนิก เฮลท์ จำกัด
https://forms.gle/hfo2Wr9jdvybn8d57 รับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวและสีเหลือง รวมถึงกลุ่ม 608 ทั่วประเทศ สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @clicknic
2.3 แอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) ให้บริการโดย บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด
https://form.typeform.com/to/cNKqNz3p รับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวเฉพาะพื้นที่ กทม. (ไม่รับกลุ่ม 608) สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @mordeeapp
2.4 แอปพลิเคชัน Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็มดี) โดย บริษัท ซาลูเบอร์เอ็มดี จำกัด
www.telemed.salubermdthai.com รับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว เฉพาะพื้นที่ กทม. (ไม่รับกลุ่ม 608) สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี : @Sooksabaiclinic
3. "บัตรทองรักษาโควิด" ในกรณีผู้ป่วย "โควิด" ที่มีภาวะเสี่ยงรุนแรง เป็นกลุ่ม 608 หรือมีโรคร่วม และมีอาการรุนแรงขึ้น (สีเหลือง) ได้แก่ 1. วัดไข้ได้ 39 องศาเซลเซียสขึ้นไป อย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน 4 ชั่วโมงใน 1 วัน 2.วัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้ต่ำกว่า 94% 3. มีภาวะแทรกซ้อนหรือการกำเริบของโรคประจำตัว 4. มีปัจจัยเสี่ยงต่ออาการรุนแรง 5. มีภาวะอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และ 6. ผู้ป่วยเด็กที่มีอาการซึม กินได้น้อย มีภาวะขาดน้ำจากอุจจาระร่วงหรือชักจากไข้สูง เป็นต้น ให้เข้ารับบริการที่หน่วยบริการ (สถานพยาบาล) ประจำที่ท่านลงทะเบียนไว้ หรือหน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่ ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข (พื้นที่ กทม.) คลินิกชุมชนอบอุ่น สถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล ศูนย์สุขภาพชุมชน
4. "บัตรทองรักษาโควิด" ในกรณีผู้ป่วย "โควิด" (สีแดง) มีอาการรุนแรง ได้แก่ หอบเหนื่อยหนักมาก พูดไม่เป็นประโยค แน่นหน้าอก หายใจเจ็บหน้าอก ปอดอักเสบรุนแรง อ่อนเพลีย ตอบสนองช้า ไม่รู้สึกตัว มีภาวะช๊อก/โคม่า ซึมลง ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส ค่าออกซิเจนต่ำกว่า 94 ต้องรีบรักษาโดยเร็ว เข้ารับบริการที่หน่วยบริการได้ทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดเพื่อรักษาทันท่วงที โดยใช้สิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (UCEP)
ตัวเลขการใช้จ่ายในช่วงรับมือ "โควิด" การรักษานอกระบบ "บัตรทอง" ระหว่างปี 2563-2565 รวมทั้งสิ้น 444,294 ล้านบาท แยกเป็นค่าบริการสุขภาพ เช่น ค่าตรวจคัดกรอง ค่ารักษาพยาบาล ค่าฉีดวัคซีน เป็นต้น ในสัดส่วนมากที่สุดประมาณ 260,174 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 59 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตามด้วยการจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีน รวม 77,987 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 และค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยสำหรับบุคลลากรทางการแพทย์และ "สาธารณสุข" รวมถึงผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง 57,499 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ส่วนที่เหลือเป็นค่ายาและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์