ชีวิตดีสังคมดี

ดัน 'เศรษฐกิจอวกาศ' ขับเคลื่อนประเทศ อนาคตมองมูลค่าโตกว่า 2.9 หมื่นล้าน

ดัน 'เศรษฐกิจอวกาศ' ขับเคลื่อนประเทศ อนาคตมองมูลค่าโตกว่า 2.9 หมื่นล้าน

25 ต.ค. 2566

ดัน 'เศรษฐกิจอวกาศ' ขับเคลื่อนประเทศ พัฒนาคุณภาพชีวิต ธุรกิจด้าน Space อนาคตมองมูลค่าโตกว่า 2.9 หมื่นล้าน เร่งคลอด พ.ร.บ. อาวกาศฯ ฉบับแรกรองรับ

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA และบริษัท ไทยคม จำกัด พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตรด้านอวกาศทั้งในและต่างประเทศ จัดงาน Thailand Space Week 2023 หรือ สัปดาห์อวกาศแห่งชาติ ประจำปี 2566 เป้าหมายสำคัญ คือ การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการพัฒนาระบบ "เศรษฐกิจอวกาศ" การพัฒนานวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากอวกาศ การส่งเสริม Space Business ใน Global Value Chain การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศ การวิจัยและพัฒนาด้านอวกาศ และการพัฒนาบุคลากรด้านอวกาศ รวมทั้งเป็นการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้แก่ประเทศในอนาคต

 

กระตุ้นเศรษฐกิจอาวกาศ

น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในเรื่องการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างเทคโนโลยีอวกาศ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศ เพื่อให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อน "เศรษฐกิจอวกาศ" และยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ซึ่ง กระทรวง อว. ได้ส่งเสริมและสนับสนุนนโยบายรัฐบาลมาโดยตลอด งาน Thailand Space Week 2023 หรือ สัปดาห์อวกาศแห่งชาติ ถือเป็นงานที่มีความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมขั้นสูงของไทย  ในการแลกเปลี่ยนและ Update ข้อมูลด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอวกาศของโลกในปัจจุบัน

 

เศรษฐกิจอวกาศ

 

 

นางสาวศุภมาสฯ กล่าวอีกว่า กระทรวง อว. มีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะให้งาน Thailand Space Week เป็นงานที่คนไทยและคนต่างชาติให้ความสำคัญและเฝ้ารอที่จะร่วมงานเป็นประจำทุกปี  ดังนั้นการที่เราจะไปถึงจุดนั้นได้ต้องอาศัยกลยุทธ์ เทคนิค และสรรพกำลังมหาศาลที่จะหลอมรวมและเชื่อมโยงให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งสามารถทำได้ทันทีเพราะมีความสอดคล้องกับนโยบายของประเทศดังที่กล่าวมาแล้วในช่วงต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นกลไกในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักธุรกิจและนักลงทุนได้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยที่จะกำหนดให้อวกาศเป็น New growth engine ของประเทศได้

 

ประเทศไทยนับว่าอยู่ในกระบวนการแห่งความพยายามในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของ "เศรษฐกิจอวกาศ" และมีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศ เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนทางเศรษฐกิจตามนโยบายของแผนแม่บทกิจการอวกาศแห่งชาติ 20 ปี ซึ่งปัจจุบันร่าง พระราชบัญญัติกิจการอวกาศ ฯ ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยในเบื้องต้นเห็นชอบในหลักการของกฎหมายแล้ว  ร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นกฎหมายที่มีขุ้นมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศ ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการดำเนินกิจกรรมอวกาศของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สร้างมาตรฐานของกิจการอวกาศในประเทศไทย ตลอดจนดูเเลการประสานงานกับหน่วยงานอวกาศของต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการลงทุน สร้างรายได้ และการจ้างงานเพิ่มขึ้น ดังนั้น ความพยายามในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจอวกาศของประเทศไทย ไม่ใช่เพียงแค่การครอบครองความมั่งคั่งหรือการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอวกาศโลก แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำพาประเทศให้ดีขึ้น โดยอาศัยกลไกการขับเคลื่อนและสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีจากภาครัฐ และไอเดียจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่

 

ดัน \'เศรษฐกิจอวกาศ\' ขับเคลื่อนประเทศ อนาคตมองมูลค่าโตกว่า 2.9 หมื่นล้าน

 

ด้าน ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษที่กระทรวง อว. โดย GISTDA ได้นำเทคโนโลยีดาวเทียมและอวกาศมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเชิงสังคม อาทิ การติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังภัยพิบัติ น้ำท่วม ฝุ่นควัน ไฟป่า การจัดการทรัพยากรป่าไม้ หรือการใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อทำการเกษตร แต่มาในระยะ 2-3 ปีมานี้ เราพบว่า อุตสาหกรรมอวกาศเป็นหนึ่งในสาขาแห่งอนาคตที่มีความสำคัญและเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นอย่างมาก ปัจจุบันโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า Space 3.0 หรือ ‘New Space’ ซึ่งเป็นยุคที่วิทยาการทางอวกาศถูกนำมาประยุกต์ใช้กับภาคอุตสาหกรรมและบริการอย่างแพร่หลาย เกิดเป็นระบบนิเวศอุตสาหกรรมอวกาศที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนในหลายด้าน และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอวกาศมีความเกี่ยวโยงอยู่ในหลายภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจที่มีบทบาทในชีวิตประจำวัน เช่น การบริการส่งอาหาร Delivery ที่ทยอยเปิดตัวมากมายในปัจจุบัน

 

ดัน \'เศรษฐกิจอวกาศ\' ขับเคลื่อนประเทศ อนาคตมองมูลค่าโตกว่า 2.9 หมื่นล้าน

 

นอกจากนี้ ข้อมูลภูมิสารสนเทศยังสามารถนำไปประยุกต์กับธุรกิจต่าง ๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การประกันภัย, อุตสาหกรรมพลังงาน, การท่องเที่ยว, เทคโนโลยีด้านข้อมูล, การระบุตำแหน่งเพื่อบังคับทิศทางและการควบคุมทางไกล, ระบบโทรศัพท์ผ่านวีดีโอ, Wifi บนเครื่องบิน, รถยนต์ไร้คนขับ, การพยากรณ์สภาพอากาศ, การตรวจสอบปริมาณฝุ่น หรือระบบเกษตรอัจฉริยะ แม้แต่ธุรกิจดาวเทียมสื่อสารขนาดเล็กวงโคจรไม่ประจำที่, การให้บริการสถานที่ปล่อยจรวดอวกาศ (Space launching), การขุดหาทรัพยากรบนดาวเคราะห์ (Space mining) และการท่องเที่ยวอวกาศในอนาคต เป็นต้น 

 

ดัน \'เศรษฐกิจอวกาศ\' ขับเคลื่อนประเทศ อนาคตมองมูลค่าโตกว่า 2.9 หมื่นล้าน

 

 

ดร.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศเพื่อสนับสนุนธุรกิจและบริการมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น GISTDA มีความพร้อม สนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนานวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อต่อยอดใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย สามารถสร้างรายได้ ลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าทางเศษฐกิจ ตอบสนองความต้องการของสังคม ตลอดจนสามารถสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ จนเกิดเป็นระบบเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “เศรษฐกิจอวกาศ”

 

 

 

"สิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับจากเศรษฐกิจอวกาศว่า กิจการอวกาศกำลังเป็นสิ่งที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงดาวเทียม แต่เป็นอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องที่ต่อยอดจากการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีอวกาศ ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยกำลังให้ความสนใจกับนวัตกรรมที่จะเข้ามาทดแทนหรือลดข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจรูปแบบเดิม ๆ เทคโนโลยีอวกาศจึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น เป็นยุคที่มนุษย์ได้รับประโยชน์มหาศาลจากดาวเทียมและจากสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจอวกาศ” ดร.ปกรณ์ กล่าวสรุป

 

 

ปัจจุบัน การแข่งขันด้านเทคโนโลยีอวกาศของแต่ละประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น นอกเหนือไปจากมิติความมั่นคงของรัฐและสังคม ยังขยายไปถึงการแข่งขันด้านเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมอวกาศ โดยสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ NIDA ได้ศึกษามูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทย ในปี 2019 ระบุตัวเลขรายได้อยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงาน 1.6 ล้านคน สร้างมูลค่าทางสังคมกว่า 5.8 พันล้านบาท และมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ 2.9 หมื่นล้านบาท ช่วยขับเคลื่อน GDP ของประเทศ และส่งผลให้เกิดนวัตกรรมต่อยอดเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน