กัดกร่อนประเทศ
กัดกร่อนประเทศ : บทบรรณาธิการ
ประเทศไทยมีการทุจริตคอรัปชั่นกันมากขึ้น จากการสำรวจล่าสุดปี 2554 โดย ดร.จุรี วิจิตรวาทการ เลขธิการองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย โดยหล่นจากอันดับที่ 78 ในปีที่แล้ว มาเป็นที่ 80 ในปีนี้ ด้วยคะแนน 3.4 จากคะแนนเต็ม 10 รวมทั้งหมด 183 ประเทศทั่วโลก จะเห็นว่าบ้านเราอยู่ในอันดับที่ใกล้เคียงกับประเทศโคลัมเบีย เปรู เซอร์เบีย ซึ่งบางประเทศยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกยาเสพติดรายใหญ่ของโลกเสียอีก แสดงว่าการคอรัปชั่นขยายตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของหน่วยงานที่เกี่ยวเนื่องกับการปราบปรามการทุจริต
ความจริงจะไปโทษหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งก็คงไม่ถูกนักเพราะการทุจริตคอรัปชั่นไม่ได้กัดกินแค่หน่วยงานหรือองค์กรใดโดยเฉพาะแต่ลุกลามไปเกือบทั้งหมด ภาคราชการถูกมองว่า เป็นแหล่งหาเงินของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง ที่เสวยสุขจากเงินงบประมาณแผ่นดิน ยังมีการคอรัปชั่นในลักษณะอื่นอีกมากมาย องค์กรตำรวจมองเห็นง่ายที่สุด แต่คงไม่ใช่หน่วยงานที่มีรายได้จากการทุจริตมากกว่าหน่วยงานอื่น ความจริงแล้วตำรวจได้เงินจากส่วยไม่มากนัก คล้ายเบี้ยหัวแตก เทียบไม่ได้กับการคอรัปชั่นในโครงการต่างๆ ที่มีตั้งแต่หลักพัน หลักหมื่นล้านบาท เงินหัวคิวเหล่านี้ได้มาเป็นกอบเป็นกำ สร้างความมั่งคั่งอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
รัฐบาลคือผู้ที่ได้รับมติจากประชาชนให้เข้าไปเป็นผู้แทนฯ ในการบริหารประเทศ ถ้าไม่ได้เริ่มหรือทำให้ประชาชนหรือข้าราชการประจำเห็นเป็นตัวอย่าง ว่าการทุจริตนั้นเป็นความผิด หน่วยงานระดับล่างลงมาหรือข้าราชการตั้งแต่สูงสุดจนถึงลูกจ้างประจำ จะเดินอยู่ในแถวได้อย่างไร นักการเมืองมักฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติ ข้าราชการประจำก็รอรับเศษเงินตามน้ำ ทำให้กลไกรัฐบิดเบี้ยว เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงไปทุกหย่อมหญ้า ภาคเอกชนเองก็มีส่วนทำให้เกิดการคอรัปชั่นไม่น้อย แม้จะมีเอกชนบางส่วนเริ่มมีปฏิกิริยาออกมาต่อสู้กับการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่สุดท้ายกลับเงียบหายไปอาจเพราะทนแรงเสียดทานจากผู้ถือกฎหมายหรืออำนาจไม่ไหว
ขณะที่หน่วยงานด้านการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนเสือกระดาษ การสอบสวนล่าช้าและมีความไม่โปร่งใสมากมาย คนที่มีอำนาจก็สามารถดึงเรื่องให้ช้าหรือลากไปจนหมดอายุความ กฎหมายหรือบทลงโทษไม่ได้ทำให้ข้าราชการเกิดความเกรงกลัว เม็ดเงินคุ้มค่าพอและสามารถเปลี่ยนกฎหมายได้ทำผิดให้เป็นชอบ เมื่อคนในองค์กรปราบปรามทุจริตรับเงินเสียเอง ก็ไม่มีใครหน้าไหนกลัวเกรง แม้แต่นักลงทุนต่างชาติก็ได้เห็นสิ่งเหล่านี้เช่นกัน ไม่แปลกใจที่ผลสำรวจประเทศไทยมีการคอรัปชั่นเพิ่มสูงขึ้นเพราะเมื่อไรที่หัวส่าย จะให้หางอยู่นิ่งได้อย่างไร