คอลัมนิสต์

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในโลกของตำรวจ

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในโลกของตำรวจ

18 ม.ค. 2555

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในโลกของตำรวจ : กระดานความคิด โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข

                 “ไม่รอ พอผมรับงานผมลงมือทำเลย” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พูดในที่ประชุมถึงวิธีคิดในการทำงานด้านการแก้ไขและป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในฐานะผู้นำที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการทำงานของตำรวจโดยมีภารกิจที่สำคัญคือการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมิใช่การโบกรถอำนวยความสะดวกในการจราจรเพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้รับผิดชอบงานจราจรซึ่งเป็นห้วงเวลาก่อนหน้าที่จะถึงช่วงวันอันตราย (ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่) เพียงไม่กี่วัน แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่โดยมีสำนึกของการทำงานให้บรรลุเป้าหมายที่มิได้ติดอยู่กับกับดักของการทำงานตามขั้นตอนแบบเดิมๆ ตามระบบราชการและรูปแบบการทำงานที่ผ่านมา ทำให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เริ่มต้นการทำงานเพื่อช่วยชีวิตของประชาชน และเตรียมความพร้อมในการบรรเทาความรุนแรงหากเกิดอุบัติเหตุจราจรขึ้น โดยเรียกหัวหน้าหน่วยงานภายใต้การบังคับบัญชาที่รับผิดชอบงานจราจรเข้าประชุมหารือร่วมกันทันที! ไม่ต้องรอคำสั่งจากศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน

                “ไม่ต้องรอให้หน่วยอื่นมาสั่งให้ประชุม สั่งให้ทำโน่นทำนี่ ก็เรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องทำอะไรเพื่อให้ประชาชนปลอดภัย” หน่วยอื่นหรือศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนที่นายตำรวจใหญ่กล่าวถึงนั้นคือ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการและประสานงานเพื่อให้ภาคีซึ่งเป็นหน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติงานตามภารกิจในการลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ดังที่ประชาชนส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยกับการประกาศจำนวนวันอันตรายในช่วงเทศกาลต่างๆ รวมถึงการทำหน้าที่ในการนำข้อมูลจากตำรวจและโรงพยาบาลมารายงานจำนวนคนเจ็บคนตายจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนน

                “ต้องคิดว่าเราเป็นlead (ผู้นำ) อย่าคิดว่าเป็นผู้ตาม เราทำได้ เราคิดได้ คิดให้ดีแล้วลงมือทำเลย ไม่ต้องรอให้เขามาสั่ง กว่าเขาจะสั่งก็พอดีไม่มีเวลาทำ” นายตำรวจใหญ่นั่งพูดอยู่หัวโต๊ะ ในขณะที่นักวิชาการ ภาคีเครือข่าย และตำรวจที่ร่วมประชุมต่างอมยิ้มชอบใจ หัวใจพองฟูด้วยหวังว่าเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติมี “หัว” ที่มีความคิดในการทำงานที่มิได้ติดกรอบอยู่ที่ขั้นตอนการทำงานแบบราชการดังเช่นที่ผ่านมาจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานด้านความปลอดภัยทางถนนดีขึ้นมากกว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมา  รวมถึงตำรวจผู้ปฏิบัติงานอยู่ที่สถานีตำรวจและตามท้องถนนจะมีความสุขและมีความอยากที่จะทำงานในการแก้ไขและป้องกันอุบัติเหตุทางถนนเพื่อให้จำนวนคนไทยตายกลางถนนลดลง
               
                “พอนายลงมาเล่น ตำรวจเด็กๆ (ผู้ปฏิบัติ) มันก็ดีใจ...เออนายเอากับเราด้วย” นายตำรวจใหญ่กล่าวย้ำอย่างเชื่อมั่นว่าการมุ่งมั่นในการทำงานโดยที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงานเชิงรุก การตั้งทีมทำงานเฉพาะเพื่อการเกาะติดการทำงานโดยทำงานร่วมกับตำรวจผู้ปฏิบัติในพื้นที่นั้นจะเป็นการสร้างความสุขให้ลูกน้องและเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ

                “เราต้องพัฒนาระบบข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ และให้ตำรวจสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนโดยทำให้ชาวบ้านตระหนักและเข้ามาร่วมมือกับตำรวจในการป้องกันอุบัติเหตุ เพื่อร่วมกันรักษาชีวิตและทรัพย์สินของคนชุมชน เราได้งานด้วยได้คนร่วมงานได้ใจด้วย” นอกเหนือจากการบริหารจัดการในเชิงรุกแล้ว  การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นประเด็นสำคัญที่นายตำรวจใหญ่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจเป็นอย่างดีถึงบริบททางสังคมวัฒนธรรมที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนของคนไทย

                “หลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ต้องมาคู่กัน แต่สำหรับเรื่องอุบัติเหตุทางถนนผมจะใช้หลักรัฐศาสตร์มากกว่าเราต้องเข้าใจวิถีชีวิตของคนไทยด้วย” ทุกคำพูดที่ถ่ายทอดออกมาโดนใจคนทำงานที่มุ่งหวังอยากให้ตำรวจไทยออกแรงอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนองคาพยพเพื่อทำให้ชีวิตของคนไทยปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนนเสียที

                ต้องขอบคุณผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ทำให้ทีมอุบัติเหตุทางถนนได้ตำรวจที่เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” มาเป็น “หัวในการทำงาน” เพื่อร่วมมือประสานพลังกับภาคีเครือข่ายในการแก้ไขและป้องกันอุบัติเหตุทางถนนโดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือลดจำนวนคนตายกลางถนนกว่าปีละหมื่นกว่าศพลงให้จงได้

                ตำรวจรุกแล้ว...ภาคีอื่นพร้อมหรือยัง?...งานใหญ่เช่นนี้ ตำรวจคงทำเพียงลำพังไม่ได้!