ตำรวจไม่ใช่เทวดา
ตำรวจไม่ใช่เทวดา : โลกตำรวจ โดยปนัดดา ชำนาญสุข
อย่าเผลอคิดว่า ตำรวจเป็นเทวดา! ตำรวจอาจจะเป็นบุคคลที่คุณโกรธ ไม่พอใจ จนบางคนอาจถึงขั้นบอกว่า เกลียดตำรวจ “แต่ถึงแม้ว่า คุณจะโกรธ เกลียด ไม่ชอบตำรวจ แต่อย่าลืมเรียกใช้ตำรวจนะคร้าบ” นายตำรวจใหญ่พูดคุยกับดิฉันเมื่อคราวที่ดิฉันทำงานวิจัยภาคสนามในจังหวัดแห่งหนึ่งภาคเหนือ โดยมีความคิดเห็นเชิงเสียดสีที่มีนัยว่า ถึงคุณจะเกลียดผมอย่างไร ในที่สุดคุณก็ต้องเรียกใช้ผมอยู่ดี!
คนไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของตำรวจ เมื่อไม่รู้ก็ตีความเป็นตามความคาดหวังและประสบการณ์ของตนเอง ซึ่งหากเปิดใจให้กว้างและกลับมาคิดทบทวน เปรียบเทียบอาชีพตำรวจกับอาชีพอื่นๆ อาจจะทำให้เราเกิดความสงสัยว่า “ตำรวจเขามีความสามารถในการกระทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างที่เราคาดหวังไว้ทั้งหมดจริงหรือ?” เราคาดหวังให้ตำรวจทำสิ่งต่างๆ มากเกินไปหรือไม่? หรือเป็นเพราะมายาคติของวลีที่ว่า “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เลยทำให้หลายๆ คนเมื่อมีความทุกข์ เดือดร้อน ก็มักจะนึกถึงตำรวจก่อนกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่า “ความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทยสูงเกินจริง” แต่ตำรวจไทยก็ไม่เคยประชาสัมพันธ์ สื่อสารให้ประชาชนรับรู้เพื่อลดความคาดหวังต่อบทบาทของตำรวจให้ตรงตามหน้าที่ที่แท้จริงของตำรวจเลยสักครั้ง หากแต่พยายามหาวิธีการต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการและความคาดหวัง ซึ่งพบว่า ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำให้สมหวังได้(เพราะถูกหวังเยอะเหลือเกิน) หากเป็นความทุกข์ที่เกี่ยวข้องกับการบริการทั่วไปที่สุภาพบุรุษทุกอาชีพทำได้แล้วนั้น ก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่นัก เช่น จับงู ไกล่เกลี่ยผัวเมียทะเลาะกัน แต่ในบางเรื่องนั้นอยู่นอกเหนืออำนาจของตำรวจ เช่น “อุตส่าห์บอกเบาะแสให้มันจับ เสี่ยงก็เสี่ยงนะ มันก็แกล้งไปจับ เสร็จแล้วมันก็ปล่อยออกมา ยาบ้าถึงระบาดเต็มเมือง ถ้ามันไม่รู้ไม่เห็นใครจะกล้าทำ” ชาวบ้านเล่าความรู้สึกผิดหวังต่อการทำงานของ “มัน” ซึ่งหมายถึง “ตำรวจ”
ตัวอย่างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนี้ ถูกเผยแผ่ส่งต่ออย่างรวดเร็ว ทั่วถึง กว้างขวาง และถูกตอกย้ำความน่าเชื่อถือครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยการที่บุคคลที่คนส่วนใหญ่ในชุมชนรู้เป็นอย่างดีว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้รับการประกันตัวออกมาภายหลังจากถูกตำรวจจับตัวไปไม่นาน รวมถึงในบางสถานการณ์ที่พี่ตำรวจใจดีจับผู้เสพยา ซึ่งเป็นเยาวชนได้ และเรียกผู้ปกครองมารับทราบ “พูดคุยกัน พ่อแม่เขาก็ตกใจนึกไม่ถึง รับปากรับคำอย่างดีจะดูแลลูก ทั้งเด็กและผู้ปกครองเข้าใจกันพูดคุยตกลงกันต่อหน้าเราจะกลับไปทำตัวใหม่ ไม่เสพกัญชา ไม่เสพยาบ้าอีกแล้ว ทำได้แน่นอนเพราะเพิ่งจะหลงผิดไปทดลองเสพได้ไม่นาน ก็เลยปล่อยไป ถือว่า ให้โอกาสเด็กและให้โอกาสผู้ปกครองด้วย หากแต่คนอื่นๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในชุมชนมิได้เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการให้โอกาสคืนคนดีสู่สังคมของตำรวจ ดั่งคำพูดที่ว่า “เห็นมั้ย ถ้าเป็นพวกมัน มันก็ปล่อย มันเลือกจับแต่คนที่ไม่ใช่พวกมัน”...ไม่มีคำชี้แจงจากตำรวจ...เพราะหากชี้แจงก็หมดเวลาพอดี ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ...ทนได้ก็ทนไปใช้คติ “อดทนต่อความเจ็บใจ!” (อีกแล้ว)
มายาคติที่ทำให้ประชาชนมีความเข้าใจตำรวจผิดพลาดคลาดเคลื่อนจึงสะสม เพิ่มพูน เกาะกินความรู้สึกจนหลายๆ คนแม้ไม่เคยได้สัมผัสเกี่ยวข้องกับตำรวจก็ยังเกิดความรู้สึกเกลียดตำรวจไปด้วยอย่างไม่มีเหตุผล
อย่างไรก็ตาม ด้วยธรรมชาติงานของตำรวจนั้นเป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ตำรวจที่ดีไม่สามารถชี้แจงแสดงเหตุผลของการปฏิบัติงานบางอย่างแก่ประชาชน หรือสื่อมวลชนได้ เพราะจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทำให้ภาวะการเข้าใจผิดไม่ได้รับการแก้ไขและสื่อสารบอกต่อๆ กันไปจนกลายเป็นกระแสความรู้สึกเชิงลบ
ด้วยเหตุนี้ หากภารกิจใดที่มิใช่บทบาทและหน้าที่หลักของตำรวจจึงเป็นสิ่งสมควรแล้วที่ผู้นำตำรวจจะปฏิเสธภาระหน้าที่นั้น นอกจากนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึงและเข้าใจนโยบายที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบนโยบายไว้ด้วย พร้อมทั้งสื่อสารให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง ถึงกิจกรรมและภารกิจที่ตำรวจได้เดินตามทางนโยบายนั้น ซึ่งเป็นการทำงานอย่างมืออาชีพ มีทิศทางในการทำงานเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนอย่างชัดเจนและเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของสังคมไทย
การปล่อยให้ประชาชน องค์กรต่างๆ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐคาดหวังตำรวจเกินจริง จนตำรวจต้องเบียดขับตนเอง กดดันผู้ใต้บังคับบัญชาจนทำให้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของงานหลักนั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นความชอบ เพราะไม่เข้าข่ายว่าจะต้อง “ทน” และอย่าลืมว่า องค์กรตำรวจมีทรัพยากรที่จำกัดอย่างมากในทุกด้าน ดังนั้น ยุทธการสั่งแห้ง (สั่งงานโดยไม่มีงบประมาณ) จึงไม่ได้ก่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน
อย่าลืมว่า ตำรวจไม่ใช่เทวดา ที่จะทำทุกอย่างได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากภารกิจนั้นเป็นของหน่วยงานอื่นที่มีหน้าที่รับผิดชอบตรงอยู่แล้ว ก็ควรส่งเสริมสนับสนุนให้หน่วยงานนั้น แสดงบทบาท หน้าที่ให้เต็มที่ และรับผิดชอบผลงานของตนเอง...มิใช่ อะไรอะไรก็ตำรวจ!