'ย่ำพระสุริย์ศรี'อำลาผบ.ทร.สานฝันเรือดำน้ำ
'ย่ำพระสุริย์ศรี'อำลาผบ.ทร. ย้ำยุทธศาสตร์สานฝันเรือดำน้ำ : ตะลุยกองทัพ โดยทีมข่าวความมั่นคง
ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินกองทัพเรือในการประกอบพิธี "ย่ำพระสุริย์ศรี" เพื่อเทิดเกียรติให้แก่ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารระดับสูง เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ
โดยในปี 2556 มีนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือเกษียณอายุราชการ อาทิ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.ยุทธนา ฟักผลงาม รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.ดำรงศักดิ์ ห้าวเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ร.อ.ฆนัท ทองพูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นต้น
ทั้งนี้ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้ยึดถือเป็นประเพณีในการเชิญธงลงจากยอดเสาของทหารเรือ โดยถือเอาเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเพื่อทำพิธีย่ำพระสุริย์ศรี ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกตามบทเพลงพระสุริย์ศรี อันเป็นเพลงที่ทหารเรือไทยพัฒนาจากจังหวะเพลงย่ำค่ำมาเป็นเพลงบรรเลงรูปจบกระบวนของการแสดงดนตรีสนาม หรือเพลงฟินาเล่
พิธีการย่ำพระสุริย์ศรี ในความหมายของทหารเรือจึงถือเป็นประเพณีที่หมายถึงการจบ สิ้นสุด หรือยุติลงอย่างสง่างามในชีวิตการรับราชการภายใต้ธงราชนาวีไทย
กองเรือยุทธการยังได้จัดให้มี "พิธีสวนสนามทางเรือ" โดยมี "เรือหลวงอ่างทอง" และมีเรือที่เข้าร่วมพิธีประกอบด้วย เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวงบางปะกง เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือหลวงปิ่นเกล้า เรือหลวงหัวหิน เรือหลวงท้ายเหมือง เรือหลวงสัตหีบ เรือหลวงหาญหักศัตรู เรือหลวงท่าดินแดน และเรือ ต.995
นอกจากนี้ ยังมีเฮลิคอปเตอร์บินสวนสนามจำนวน 6 ลำ และมีเรือรักษาความปลอดภัย และสนับสนุน จำนวน 8 ลำ โดยเรือหลวงปิ่นเกล้าได้มีการยิงสลุตจำนวน 19 นัด พร้อมด้วยการบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ เพื่อเป็นการเทิดเกียรติแด่ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารระดับสูงที่เกษียณอายุราชการด้วย
พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวถึงความสำคัญของพิธีดังกล่าวว่า ถือเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีเชิดชูเกียรติอย่างสูงสุดของทหารนาวิกโยธินที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ครบเกษียณอายุราชการที่ตลอดชีวิตการรับราชการได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท และเสียสละ
พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ชีวิตส่วนใหญ่ของตนโตจากงานด้านยุทธการ ตั้งแต่เป็นผู้บังคับการเรือยนต์เร็ว และผู้บังคับการเรือกระบุรี พิธีสวนสนามทางเรือในวันนี้เป็นสิ่งที่ตนต้องจดจำตลอดไป ทั้งนี้ ตนอยากเห็นกองทัพเรือเดินหน้าไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่กองทัพเรือได้เตรียมการเอาไว้ ซึ่งทุกผู้บัญชาการได้มีการจัดทำแผนไว้แล้วทั้งระยะปานกลาง และระยะยาว 10 ปี
"ส่วนการสานต่อโครงการเรือดำน้ำนั้น ถือเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ที่จำเป็นที่จะต้องมี ซึ่งเหตุผล และความจำเป็นได้เคยชี้แจงไปแล้ว เชื่อว่าในห้วงเวลาที่เหมาะสมกองทัพเรือจะได้รับ ซึ่งขณะนี้ยังมีอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ โดยเราจะต้องสานต่อโครงการต่อไป ผมมั่นใจว่าถ้าเราได้วัตถุตามที่ต้องการจะทำให้กำลังของเราเข้มแข็งอยู่แล้วเข้มแข็งไปอีก"
พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ในห้วงเวลา 2 ปีที่ตนเป็นผู้บัญชาการทหารเรือได้รับการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ เป็นอย่างดี รวมทั้งการสนับสนุนจากสื่อมวลชนที่ประสานงานปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือที่เป็นภารกิจที่ไม่ค่อยมีคนเห็นให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งถ้าไม่ได้รับความร่วมมือกับสื่อมวลชนคงไม่ประสบผลสำเร็จ
"ส่วนขวัญกำลังใจของกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้นั้น ผมได้พบปะใกล้ชิด และพยายามสนับสนุนจัดหาสิ่งต่างๆ ที่หน่วยปฏิบัติต้องการ และจะต้องฟังหน่วยปฏิบัติว่าเขาต้องการอะไร โดยผู้บัญชาการทหารเรือจะต้องสนับสนุนหน่วยเฉพาะกิจตามแนวชายแดนต่อไป" ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวให้ความมั่นใจ
เมื่อถามถึงเรื่องความปรองดองของคนในชาตินั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็คงคิดเหมือนกับคนทุกคน คนไทยต้องรักสามัคคีกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อประเทศชาติจะได้เข้มแข็ง เศรษฐกิจมีความมั่นคง และเพื่อเยาวชนรุ่นหลังๆ ของพวกเรา
...................
(หมายเหตุ : 'ย่ำพระสุริย์ศรี'อำลาผบ.ทร. ย้ำยุทธศาสตร์สานฝันเรือดำน้ำ : ตะลุยกองทัพ โดยทีมข่าวความมั่นคง)