ความสุขของคนไทย
ความสุขของคนไทย : บทบรรณาธิการประจำวันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2556
ท่ามกลางความขัดแย้งแบ่งฝ่ายในสังคม ภาวะปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ข้าวยากหมากแพงที่กัดกร่อนชีวิตคนไทยมาช้านาน เย็นวันเสาร์ที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจสุดความสามารถมอบความสุขให้คนไทยทุกคนโดยถ้วนหน้า ด้วยการเอาชนะสุดยอดทีมอย่างญี่ปุ่น 3 เซตรวด คว้าแชมป์เอเชียมาครองสำเร็จ เช่นเดียวกับที่พวกเธอทุกคนเข้าไปครองอยู่ในหัวใจคนไทยและจะประทับอยู่ในความทรงจำไปอีกแสนนาน เพราะไม่เพียงแต่เป็นการมอบความสุขในยามคนไทยกำลังทุกข์ร้อนปรารถนายาจรรโลงใจเท่านั้น หากแต่ระหว่างเกมการแข่งขันครั้งนี้ยังได้พิสูจน์ให้เห็นถึงจิตใต้สำนึกของคนไทยด้วยว่า แท้แล้วพวกเขา "รักสามัคคี" ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชนชาติใดๆ เพียงแต่ความขัดแย้งทางการเมืองที่มีผลประโยชน์ของนักการเมืองเป็นที่ตั้งเท่านั้นที่แบ่งแยกคนไทยออกจากกัน
ถ้าหากย้อนหลังกลับไปดูผลโพลล์ของสำนักต่างๆ ก็จะพบความจริงว่า ดัชนีความสุขของคนไทยนั้นจะติดลบในเรื่องการเมืองแทบทุกครั้งที่ทำการสำรวจ อย่างการทำโพลล์ของสำนักเอแบคโพลล์ที่เคยสรุปไว้ว่า ดัชนีความสุขของคนไทยที่สอบตก หรือต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของคะแนนเต็ม 10 คือความโปร่งใส ตรวจสอบได้ของรัฐบาลและการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้คะแนนเพียง 4.08 คะแนน ขณะที่สถานการณ์การเมืองโดยภาพรวมอยู่ที่ 4.02 คะแนน และคุณภาพนักการเมืองและจริยธรรมที่ได้คะแนนเพียง 3.04 คะแนน เช่นเดียวกับปัญหาปากท้องค่าครองชีพที่เคยได้คะแนนเพียง 4.62 จากการสำรวจเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ดังกล่าวมานี้ ถือเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถยืนยันได้ว่า ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองเป็นตัวบั่นทอนจิตใจคนไทยมาแสนนาน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความพยายามของบางฝ่ายหรือบางคนที่จะสร้างความปรองดองในชาติขึ้นมา แต่ก็กลับกลายเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองไปในที่สุด บางรายอาจถูกมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจว่า แท้แล้วกิจกรรมที่เขากำลังประกอบอยู่นั้น มีวาระ "ผลประโยชน์ทางการเมือง" แอบแฝงอยู่ภายใต้ความปรารถนาดีที่แสดงออกอวดสาธารณชน ขณะที่ความพยายามในการแก้ปัญหาข้าวยากหมากแพงของรัฐบาลกลับยังไม่เป็นสัญญาณทางบวกแต่อย่างใด ซ้ำร้ายนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลกลับยิ่งสนับสนุนให้คนไทยสร้างหนี้กันมากยิ่งขึ้น และบางอย่างก็ช่วยสร้างหนี้ให้แก่คนไทยอีกต่างหาก เช่น โครงการรับจำนำข้าว เป็นต้น เช่นนี้แล้ว ดัชนีความสุขของคนไทยจะยิ่งถอยห่างจากคาบเส้นกึ่งกลางเข้าใกล้ความเป็นศูนย์มากขึ้นทุกที
แต่กระนั้นความสุขของคนไทยที่นักกีฬาฮีโร่ผู้ลงแข่งขันในนามทีมชาติไทยก็คงจะเป็นแต่เพียงความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรเมื่อชัยชนะเริ่มจืดจางไปจากกระแส คนไทยทุกคนก็ต้องกลับมาอยู่กับโลกของความจริงอันแสนขมขื่นดังเดิม เว้นแต่ว่า ฝ่ายต่างๆ ที่ได้ร่วมกัน "ก่อทุกข์เข็ญ" ให้แก่ประชาชนจะได้หันกลับมาพิจารณาตัวเองว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกเขาจะปลดปล่อยคนไทยออกจากความทรมานทรกรรมมานานร่วมสิบปี การคืนความสุขให้คนไทยทุกคนถือเป็นสุดยอดของความเสียสละ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับนักการเมืองบางคนแล้ว พึงสังวร และรีบเร่งลงมือเสียก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้