ตร.ท่องเที่ยวลุยปรับภาพลักษณ์แท็กซี่
ตร.ท่องเที่ยวลุยปรับภาพลักษณ์แท็กซี่ไทยสางปัญหาปฏิเสธผู้โดยสาร : สายตรวจระวังภัย โดยกิตติพงษ์ มณีฤทธิ์
ปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสารของคนขับรถแท็กซี่ เป็นหนึ่งในหลากหลายปัญหาที่เหล่าบรรดาคนกรุงผู้ใช้รถต่างประสบพบเจอ ด้วยเหตุผลหลากหลายสารพัด ทั้งแก๊สใกล้หมด ส่งรถไม่ทัน หรือแม้กระทั่งรถติดทั้งที่ไฟหน้ารถยังคงเปิด “ว่าง” ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ไขปัญหา แต่ไม่วายที่บ่อยครั้งก็จะพบคนขับรถแท็กซี่ที่ปฏิเสธผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างชาติ จนเหมือนกับว่าปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวไทย
ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว นำโดย พล.ต.ต.อภิชัย ธิอามาตย์ ผบก.ทท.พร้อม พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.ท.บวรภพ สุนทรเรขา สว.ส.ทท.2กก.บก.ทท พ.ต.ต.ศิลา ตันตระกูล สว.สส. กก.1 บก.ทท. ได้เปิดแผนปฏิบัติการระดมกวาดล้างเหล่าบรรดาแท็กซี่ที่ปฏิเสธผู้โดยสาร หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยใช้กำลังตำรวจท่องเที่ยว 80 นาย รถสายตรวจวิทยุ 20 คัน สายตรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ กระจายไปตามจุดที่ได้รับการร้องเรียนบ่อยครั้ง อาทิ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง สนามกีฬาแห่งชาติ สยามสแควร์ และพระบรมมหาราชวังโดยรอบสนามหลวง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนสามารถจับกุมเหล่าโชเฟอร์ที่กระทำความผิดได้ทั้งสิ้น 35 ราย
พ.ต.ท.บวรภพ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการท่องเที่ยวและขานรับนโยบายปี 2558 ที่เป็นปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทยและขานรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการกวดขันจับกุม และนำเหล่าโซเฟอร์แท๊กซี่มาปรับทัศนะคติ พูดคุยกับปัญหาที่เกิดเหตุ ว่าเหตุใดถึงต้องปฏิเสธที่จะรับผู้โดยสาร อย่างไรก็ตามไม่อยากให้มองว่าเป็นการจ้องจับผิด แต่ส่วนหนึ่งก็เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากแท็กซี่ไทยจัดเป็นประตูด่านแรกในการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะใช้บริการ ซึ่งขอความร่วมมือจากคนขับรถแท็กซี่ให้ความร่วมมือช่วยกันให้บริการแก่นักท่องเที่ยวให้สมกับการทำหน้าที่การเป็นเจ้าบ้านที่ดี
สำหรับข้ออ้างในเรื่องส่งรถไม่ทัน แก๊สหมด หรือรถติดนั้นเป็นเพียงหนึ่งในหลากหลายเหตุที่บรรดาโชเฟอร์นำมากล่าวอ้าง ซึ่งได้อธิบายเหตุและผลว่า การปฏิเสธผู้โดยสารถือว่าเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 แต่ไม่ใช่ว่าโชเฟอร์แท็กซี่ทุกคันจะไม่สามารถปฏิเสธผู้โดยสารได้ เนื่องจากข้อกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 93 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร เว้นแต่การบรรทุกนั้นน่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ตนหรือแก่คนโดยสาร ซึ่งได้แนะนำว่าในกรณีที่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่มีความประสงค์จะไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสารให้แสดงป้ายงดรับจ้างบรรทุกคนโดยสารวิธีการแสดงป้ายและลักษณะของป้ายงดรับจ้างบรรทุกคนโดยสารให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ก็สามารถกระทำได้เช่นกัน
ดูเหมือนว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจท่องเที่ยวเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้ได้เรียกเสียงฮือฮา โดยการปลอมตัวแต่งกายนอกเครื่องแบบ สวมบทเป็นนักท่องเที่ยวมาแล้ว หลังจากนี้คงต้องจับตามาตรการที่ออกมานั้นได้ผลมากน้อยเพียงใด แต่นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายเล็งเห็นปัญหาดังกล่าว และใส่ใจที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงจัง