
ลองผิดลองถูก
ลองผิดลองถูก : บทบรรณาธิการประจำวันที่10ก.พ.2559
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่ง ให้ปรับตำแหน่งพนักงานสอบสวน โดยอ้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาความสงบปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จากชื่อเดิมพนักงานสอบสวน เปลี่ยนเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน มีหน้าที่ทั้งสืบสวนและสอบสวนด้วย ชาวบ้านอาจจะงงกลับคำสั่งนี้ แต่ที่ผ่านมามักคุ้นชินกับการแจ้งความหรือมีคดีอาชญากรรมจะเห็นร้อยเวรหรือพนักงานสอบสวน ไปทำหน้าที่ตรวจจุดเกิดเหตุ สอบผู้เสียหาย เพื่อทำสำนวนหากมีการจับกุมคนร้ายได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนมีหน้าที่หาเบาะแสตามจับคนร้ายมาให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำดำเนินคดี ที่ผ่านมาแยกหน้าที่แบบนี้ แต่คำสั่งล่าสุดพนักงานสอบสวนมีอำนาจไปสืบสวนหาตัวคนร้ายด้วย แค่นี้ ความจริงแล้วพนักงานสอบสวนควรจะทำหน้าที่สืบจับคนร้ายมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นผู้สอบปากคำผู้เสียหาย หาหลักฐานในที่เกิดเหตุ จะรู้มากกว่า แต่ในความเป็นจริงแค่ทำหน้าที่รอเท่านั้น พนักงานสอบสวนบางคนยังมีพฤติกรรมให้ผู้เสียหายไปหาหลักฐานมาให้ด้วยซ้ำ สร้างความเอื้อมระอาให้แก่ชาวบ้านที่เดือดร้อนต้องขึ้นโรงพัก
ความจริงงานสอบสวนมีปัญหาต้องแก้ไขมานาน ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติรู้ดี เพราะมีการเรียกประชุมทำความเข้าใจในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 มาก่อนหน้านี้ เป็นกองบัญชาการนำร่องก็ว่าได้ จากข้อร้องเรียนรวมๆ ของพนักงานสอบสวนที่ผู้บังคังบัญชาระดับสูงรับเรื่องมา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการทำหน้าที่ตั้งแต่การพูดจาที่บั่นทอนความรู้สึกชาวบ้าน ไปจนถึงการอำนวยความยุติธรรมที่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง บิดพลิ้วสำนวน ถึงขนาดนายตำรวจบางคนไม่ยอมทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาและตัดสินใจฆ่าตัวตายก็มี ที่ผ่านมาตำแหน่งพนักงานสอบสวนเคยเป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครอยากนั่ง เพราะไม่มีความก้าวหน้า และถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีผลประโยชน์น้อยเมื่อเทียบกับสายปราบปรามและงานสืบสวน ต่อมามีการปรับโครงสร้างเพื่อให้เกิดการเลื่อนไหล และนายตำรวจสายสอบสวนสามารถรับตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ยศ พ.ต.อ.เทียบเท่าผู้กำกับ หัวหน้าโรงพักเลยทีเดียว
การเลื่อนไหลก็เกิดปัญหาตามมาอีก เพราะกลายเป็นว่า หนึ่งโรงพักมีเสือสองตัวคือ หัวหน้าโรงพักและผู้ทรงคุณวุฒิ ยศ พ.ต.อ. เท่ากัน ทำให้การบริหารงานไม่เป็นเอกภาพ เกิดความเกรงใจ หากหัวหน้าพนักงานสอบสวนโรงพักไปทำผิดหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน หัวหน้าโรงพักผู้กำกับสถานีก็กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก คำสั่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้จึงพยายามให้แยกสองเสือออกจากกันและให้หาตำแหน่งอื่นรองรับที่เหมาะสม แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า หากทำตามนี้ปัญหาการทำสำนวนใครจะรับผิดชอบ เพราะต้องเกิดปัญหาแน่นอน เนื่องจากงานสอบสวนต้องมีความชำนาญเฉพาะ หากมีการโยกย้ายสับเปลี่ยนกันจริงนายตำรวจสายอื่นที่จะเข้ามาทดแทนในโรงพักจะทำอย่างไร เพราะตำรวจที่เติบโตมาจากสายอื่น เช่น งานจราจร งานสืบสวนหรือฝ่ายอำนวยการจะทำอย่างไร คงวุ่นวายไม่ใช่น้อย ต้องกำหนดให้ชัดถึงหน้าที่และมีความพร้อมด้วย มิเช่นนั้นก็เหมือนกับการลองผิดลองถูกโดยมีผู้เสียหายคือ ประชาชน