'สวนกล้วยจีน'กับชาวกสิกรลาว
'สวนกล้วยจีน'กับชาวกสิกรลาว : มนุษย์สองหน้า โดย แคน สาริกา
เรื่องร้อนจากเพื่อนบ้าน คงหนีไม่พ้นกรณีเจ้าแขวงบ่อแก้ว สั่งห้ามขยายพื้นที่สัมปทาน “ปลูกกล้วยหอม” ของกลุ่มทุนจีน และคุมเข้มการใช้ปุ๋ยเคมี สารบำรุง รวมถึงยาฆ่าหญ้าในสวนกล้วย เนื่องจากสารเคมีเหล่านั้น มีผลกระทบต่อชีวิตชาวกสิกร และสิ่งแวดล้อม
แขวงบ่อแก้ว เป็นแขวงตั้งใหม่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว โดยโอนบางเมืองจากแขวงหลวงน้ำทา กับแขวงอุดมไซ มาจัดการปกครองใหม่ โดยมีเมืองห้วยทรายเป็นเมืองเอกของแขวง
คนไทยจะคุ้นเคยกับสองเมืองของแขวงบ่อแก้ว คือ เมืองต้นผึ้ง ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และเมืองห้วยทราย ตรงข้าม อ.เชียงของ จ.เชียงราย
ทุกวันนี้ เมืองต้นผึ้ง กลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือโครงการคิงส์โรมัน ตั้งอยู่สามเหลี่ยมทองคำ พื้นที่ประมาณ 7,500 ไร่ “จ้าวเหว่ย” ในนามกลุ่มทุนดอกงิ้วคำ เข้าดำเนินการ ภายใต้สัญญาเช่ากับรัฐบาลลาว 99 ปี
ส่วนเมืองห้วยทราย มีกลุ่มทุนจีนเข้ามาลงทุนปลูกกล้วยหอม(เขียว) เพื่อส่งกลับไปขายในประเทศจีน โดยทุนจีนเช่าที่ไร่ละ 5,000 บาทต่อไร่ต่อปี
พันธุ์กล้วยที่ปลูกนั้น มีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อส่งมาจากเมืองจีน ลักษณะพันธุ์แตกต่างจากกล้วยหอมทอง พื้นที่ 1 ไร่สามารถปลูกได้ 300 ต้น ผลผลิตหนึ่งเครือประมาณ 7-8 หวี น้ำหนักหวีละประมาณ 8-10 กก.
นอกจากเมืองห้วยทราย ยังมีการขยายไปยังเมืองต้นผึ้ง รวมแล้วพื้นที่สัมปทานปลูกกล้วยหอมในแขวงมีประมาณ 6 หมื่นไร่ และผลิตกล้วยหอมส่งกลับจีนร้อยเปอร์เซ็นต์
สาเหตุที่ทุนจีนเลือกแขวงบ่อแก้ว เพราะมีการคมนาคมขนส่งที่สะดวก ทั้งทางบกและทางเรือ เป็นต้นทางของทางหลวงสาย อาร์ 3เอ เชื่อมไทย ลาว และจีน ระยะทางสั้นที่สุด พร้อมกับตัวเมืองห้วยทรายตั้งอยู่ริมฝั่งโขง
ตอนแรกที่คนจีนมาลงทุน ชาวลาวก็ตื่นตาตื่นใจไปกับกล้วยหอมจีน และทางแขวงมีรายได้จากการเก็บภาษี แต่นานปีเข้าผลกระทบจากการใช้สารเคมีในสวนกล้วยก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ่อแก้วได้ร้องให้ภาครัฐเข้ามาดูแล
ในที่สุด คำพัน เผยยะวง เจ้าแขวงบ่อแก้ว ได้ออกนโยบายคุมกำเนิดสวนกล้วย โดยห้ามขยายพื้นที่ปลูกกล้วย เพราะสภาพการลงทุนปลูกกล้วย ในระยะที่ผ่านมามีปัญหา โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยเคมี รวมทั้งยาปราบศัตรูพืช ที่ไม่ได้รับการตรวจตราและคุ้มครองจากภาครัฐ
เจ้าแขวงบ่อแก้วยังชี้ให้เห็นว่า ทุนจีนเห็นแก่ได้ นำสารเคมีที่ทั่วโลกไม่ใช้กันแล้ว แต่ยังลักลอบนำเข้ามาใช้ ถือว่าเป็นอันตรายต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม
การอนุญาตให้นักลงทุนจีนปลูกกล้วยในช่วงที่ผ่านมา เจ้าแขวงบ่อแก้ว ยอมรับว่า เกิดประโยชน์ด้านการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนจำนวนหนึ่งเช่น รายได้จากการสัมปทานที่ดิน ทำให้คนในชุมชนมีงานทำ
แต่ข้อเท็จจริงจากพื้นที่ กลับเห็นว่ามันเป็นความสำเร็จ เพียงระยะเวลาสั้นๆ เป็นรายรับที่ไม่มั่นคง การใช้แรงงานมีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพจากสารเคมีอันตราย และยังทำให้ดินมีสภาพเสื่อมโทรมเร็ว
เหนืออื่นใด รัฐบาล สปป.ลาวได้มีมติห้ามขยายพื้นที่ปลูกกล้วยในขอบเขตทั่วประเทศ และที่มีอยู่ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ดำเนินการเอาผิดในการใช้สารเคมีที่ไม่ได้มาตรฐาน
เหตุที่แขวงบ่อแก้วต้องใช้ไม้แข็ง ก็เนื่องมาจากชาวกสิกรลาวมีปฏิกิริยาไม่พอใจในการให้สัมปทานชาวจีนปลูกกล้วย และนำมาซึ่งความเดือดร้อนของชาวบ้าน
เรื่องกล้วยๆ จึงไม่กล้วยไปเสียแล้ว สำหรับขบวนทัพทุนจีน ที่กรีธาทัพมาจากจีนตอนใต้ หวังยึดลาวเป็นอาณานิคมทางเศรษฐกิจ