คอลัมนิสต์

จีที200ลวงโลกแต่ไทยอดชดเชย

จีที200ลวงโลกแต่ไทยอดชดเชย

21 มิ.ย. 2559

จีที200ลวงโลกแต่ไทยอดชดเชย : ขยายปมร้อน โดยทีมข่าวสืบสวนสอบสวน

            ถ้าพูดถึงมหกรรมลวงโลกแล้ว จีที 200 ก็น่าจะเป็นกรณีหนึ่งที่เรียกได้ว่า ลวงโลก ได้อย่างแท้จริง น่าเศร้าก็ตรงที่หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยหลายหน่วยงาน ตกเป็นเหยื่อของการค้าขายที่เลวร้าย

            สัปดาห์ก่อนศาลอังกฤษได้สั่งยึดทรัพย์เจ้าของบริษัทผู้ผลิต พร้อมกับสั่งให้ชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประเทศต่างๆ ยกเว้นประเทศไทย

            ศาลอังกฤษได้มีคำพิพากษาสั่งให้ยึดทรัพย์ นายจิม แมคคอร์มิค ผู้ผลิตเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ปลอม จีที 200 เป็นจำนวนเงิน 7.9 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 400 ล้านบาท และนำเงินจำนวนนี้ไปชดเชยแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อเครื่องมือที่ไม่สามารถใช้งานได้จากบริษัทนี้

            ก่อนหน้านี้ศาลด้พิพากษาจำคุก นายจิม แมคคอร์มิค ไปแล้วเป็นเวลา 10 ปี

            เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ นายจิม แมคคอร์มิค ที่เข้าปิ้ง ตอนปี 2553 แกรี่ โบลตัน เจ้าของบริษัท โกลบอล เทคนิค ซึ่งเป็นผู้ผลิตเจ้าเครื่องนี้ ก็เข้าไปใช้กรรมในคุก 7 ปี มาแล้ว

            แต่น่าสนใจว่า ประเทศที่ได้รับการชดเชยนั้นมีนับสิบประเทศ รวมทั้งอิรัก แต่กลับไม่มีชื่อประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยถือเป็นลูกค้าชั้นเยี่ยม เพราะจัดซื้อมากว่า 1,000 เครื่อง

            ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเกาะติดและพิสูจน์การใช้งานจีที 200 นี้มาตั้งแต่ต้น บอกว่า ประเทศอิรัก ได้ไปแจ้งความว่า เครื่องเอทีอี 651 ใช้งานไม่ได้ก่อนที่จะขยายไปถึง จีที 200 ที่เป็นเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งการที่อิรักได้ค่าชดเชยก็เพราะไปยื่นฟ้องและเรียกร้องค่าเสียหาย

            แต่สำหรับไทยนั้น ยังไม่มีหน่วยงานใดที่ซื้อเจ้าเครื่องที่มีประสิทธิภาพเพียงแค่ “เดาสุ่ม” นี้ มาใช้โวยวายว่า ได้รับความเสียหาย

            ก็เลยไม่ได้ค่าชดเชย!

            ไม่ว่าจะเป็น กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กระทรวงมหาดไทย นิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ป.ป.ส.

            แม้กระทั่งกรมศุลกากรก็ยังอุตส่าห์หามาไว้ให้อุ่นใจถึง 6 เครื่อง

            ต้องยอมรับบริษัทเอกชนรายนี้จริงๆ ที่กล่อมให้หน่วยงานเหล่านี้ควักกระเป๋าสั่งซื้อเครื่อง “เดาสุ่ม” นี้มาได้

            แล้วก็ใช้กันมาหลายปีกว่าจะรู้ว่าถูกหลอก ก็ล่วงมาถึง รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ทนแรงกดดันไม่ไหว ต้องจัดให้มีการทดสอบ

            ปรากฏว่า หา 20 ครั้ง เจอ 4 ครั้ง คิดตามสูตรสถิติแล้วแปรค่าออกมาได้คือ “เดาสุ่ม”

            ครม.ยุคนั้นคงจะเห็นว่า ถ้าจะปล่อยให้ทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้เครื่อง “เดาสุ่ม” หาระเบิด ก็คงจะสูญเสียหนัก เลยสั่งให้ยุติการใช้งานตั้งแต่ตอนนั้น

            โดยที่ไม่ฟังเสียงยืนยันมั่นใจจากใครต่อใครว่า เจ้าเครื่องนี้มันมีประสิทธิภาพจริงๆ

            เรื่องนี้ไม่อยากจะฟื้นฝอยหาตะเข็บ

            แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อศาลอังกฤษเขาพิพากษา พร้อมกับสั่งยึดทรัพย์ สั่งชดเชย แล้วไม่มีชื่อประเทศไทยทั้งที่เสียหายเหมือนกัน

            มันก็ต้องมาไล่เบี้ยกันใหม่ ยิ่งยุค คสช.อย่างนี้ น่าจะไม่ยากกระมัง งานนี้ใครควรต้องรับผิดชอบ 

            พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ก็ซัดเปรี้ยงไปที่บริษัทเอกชน ที่รวมหัวกับบริษัทผู้ผลิตมาหลอกลวงให้หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยหลงเชื่อ จนตัดสินใจสั่งซื้อ

            สตง.ต้องหาช่องทางเรียกเงินคืน

            ก็ไม่รู้ว่าจะทันไหม เพราะบริษัทแม่โดนศาลอังกฤษสั่งแบ่งสันปันส่วนให้ประเทศอื่นไปหมดแล้ว หรือจะไปไล่เอากับเอกชนที่เป็นตัวแทนในไทยก็ไม่รู้ทำได้จริงหรือเปล่า

            พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ก็บอกว่า จัดซื้อโปร่งใส มีกรรมการพิจารณา ตามระเบียบสำนักนายกฯ

            พูดแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะหมายถึง ซื้อโปร่งใสประเทศไทยไม่เสียหาย อย่างนั้นไหม ?

            แล้วก็หมายถึงว่า จะไปไล่เบี้ยเอากับเอกชนที่เอาสินค้าลวงโลกมาขายให้ ไม่ได้ใช่หรือไม่ ?

            ภาวนาขออย่าให้หมายความว่าอย่างนี้เลย