มารู้จัก F-5 เครื่องบินขับไล่รุ่นคุณอา
มาทำความรูจักเครื่องบิน F5 เครื่องบินขับไล่รุ่นเก๋า เมื่อถึงวันที่ต้องยกเครื่อง เพื่อให้ทันสมัย ว่ากันว่าทำเสร็จ จะน้องๆ "กริพเพน"
หลังจากที่ คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอใช้งบประมาณ 3,200 ล้านบาท ปรับปรุงเครื่องบินขับไล่แบบ F -5 นำมาซึงข้อสงสัยว่าทำไมต้องปรับปรุง และ เครื่องบิน F-5 คือเครื่องบินแบบไหน เพราะเครื่องบินชนิดนี้ถือเป็นชื่อที่คุ้นหูคนไทยมานาน นานถึงขนาดที่บางคนถามด้วยซ้ำว่า “ยังบินได้อยู่หรือ”
เมื่อตรวจสอบจากกองทัพอากาศ พบว่า เครื่องบินขับไล่แบบ F-5 เดิมมีประจำการอยู่ทั้งหมด 45 ลำ ซึ่งถือเป็นเครื่องบินไอพ่นยุคเก่า คือ 3.0
โดยที่มีประจำการประกอบด้วย F-5E/F สังกัดฝูงบิน 701กองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี เข้าประจำการในปี 2521-2522 จำนวน 20 เครื่อง แบ่งเป็น F-5E จำนวน 17 เครื่อง และ F-5F จำนวน 3 เครื่อง และในปี 2531เพิ่มเติม F-5E อีก 5 เครื่อง โดยเป็นเครื่องใช้แล้วจาก กองทัพอากาศสหรัฐฯ ถือว่าเป็น F-5E/F ฝูงแรก
ส่วนของฝูงบิน 211 กองบิน 21 จ.อุบลราชธานี เข้าประจำการในปี 2524 จำนวน 20 เครื่อง แบ่งเป็น F-5E จำนวน 17 เครื่อง และ F-5F จำนวน 3 เครื่อง ถือว่าเป็น F-5E/F ฝูงที่สอง
การปรับปรุงเครื่องบินขับไล่ ทั่วไป บริษัท สามารถเพิ่มขีดความสามารถ ยืดอายุการใช้งานนับตั้งแต่เข้าประจำการประมาณ 10 ปีต่อครั้ง และทำได้ไม่เกิน 3 ครั้ง โดยที่ผ่านมา F-5E/F ของทั้ง 2 ฝูงบิน ผ่านการปรับปรุงมาแล้ว 2 ครั้ง
ครั้งแรกในปี 2531 คือ F-5E จำนวน 34 เครื่อง และ F-5F จำนวน 5 เครื่อง รวมเป็น 39 เครื่อง ทั้งนี้ไม่รวมเครื่องมือสองจาก ทอ.สหรัฐฯ ผ่านการปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบ โดยมีการติดตั้งจอภาพตรงหน้านักบิน คอมพิวเตอร์ช่วยเล็งอาวุธ เครื่องรับสัญญาณเรดาร์เพื่อแจ้งเตือน เครื่องจ่ายเป้าลวง และเครื่องช่วยเดินอากาศด้วยแรงเฉื่อย นอกจากนั้นสำหรับ F-5E/F ฝูงที่สอง ได้มีการเพิ่มขีดความสามารถการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศ-สู่-อากาศ พิสัยใกล้ Python-3 ด้วย
ครั้งที่สองในปี 2543-2546 คือ F-5E จำนวน 27 เครื่อง และ F-5F จำนวน 4 เครื่อง รวมเป็น 31 เครื่อง ผ่านการปรับปรุง โดยบริษัท Elbit ประเทศอิสราเอล แยกเป็น 2 โครงการย่อย คือ ปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบความปลอดภัย ให้กับ F-5E/F ฝูงแรก จำนวน 16 เครื่อง
และปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบ ให้กับ F-5E/F ฝูงที่สอง จำนวน 15 เครื่อง หลังปรับปรุงแล้ว F-5 ฝูงที่สอง เรียกว่า F-5E/F mod หรือ F-5T Tigris โดยมีการติดตั้งคอมพิวเตอร์ภารกิจ จอ HUD จอแสดงผลอเนกประสงค์ (MFD) หมวกนักบินติดศูนย์เล็ง DASH เครื่องวัดประกอบการบินรุ่นใหม่ ระบบวิทยุสื่อสาร วิทยุช่วยเดินอากาศด้วยดาวเทียม GPS คันบังคับและคันเร่งติดตั้งปุ่มควบคุมการทำงานของระบบการรบต่างๆ (HOTAS) ปรับปรุง RWR และเพิ่มขีดความสามารถการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศ-สู่-อากาศ พิสัยใกล้ Python-4 ด้วย
ปัจจุบัน F-5E/F ของทั้ง 2 ฝูงบิน มีอายุใช้งานยาวนานและทยอยปลดประจำการ แต่เนื่องจากขณะนั้นประเทศประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ จึงจำเป็นต้องเตรียมงบประมาณในการฟื้นฟู รวมถึงและการพัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้กองทัพอากาศเลือกที่จะทำโครงการปรับปรุง F-5 E/F จำนวน 14 เครื่อง เพื่อยืดอายุใช้งานต่อไป และเพิ่มขีดความสามารถการรบให้สูงขึ้น เพื่อให้ยังคงมีประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อภัยคุกคามในอนาคตได้
โดยกองทัพอากาศได้คัดเลือก F-5T Tigris ฝูงที่สอง ของฝูงบิน 211 กองบิน 21 จ.อุบลราชธานี จาก 20 เครื่อง เหลือ 14 เครื่อง เน้นเครื่องที่สามารถยืดอายุโครงสร้างอากาศยาน และเป็นเครื่องยังคงพอที่จะทำการปรับปรุง โดยจะปรับปรุงพิจารณาตามความต้องการของฝ่ายยุทธการ และเมื่อปรับปรุงเสร็จ
แหล่งข่าวระบุว่า “เมื่อปรับปรุงแล้ว F-5T Tigris จะมีศักยภาพน้องๆกริพเพน หรือ F-16 เครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ ยุค 4.5”
โครงการดังกล่าว แบ่งดำเนินการ 2 ระยะ คือ ระยะแรก เมื่อปี 2557-2560 จำนวน 10 เครื่อง ใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ถือเป็นช่วงระยะเริ่มต้น และล่าสุดระยะที่สองถูกเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบในวันอังคาร ที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ใช้งบประมาณ 3,200 ล้านบาท จำนวน 4 เครื่อง
“งบประมาณทั้งหมดใช้ของกองทัพอากาศ ซึ่งต้องแจ้งให้ ครม.รับทราบ เนื่องจากเป็นโครงการเกิน 1,000 ล้านบาท ส่วนกรณีที่ระยะแรก ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าระยะที่สองนั้น เนื่องจากในระยะที่สอง เราได้จัดหาเรดาห์เพื่อไปติดตั้งให้ระยะแรก จำนวน 10 เครื่องด้วย เนื่องจากในขณะนั้นติดที่งบประมาณมีน้อย ไม่สามารถดำเนินการได้” พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว
ทั้งนี้ F-5T Tigris จะได้รับการปรับปรุงระบบ เรดาห์เพื่อเพิ่มให้การตรวจจับได้ไกล แม่นยำขึ้น รวมถึงระบบพิสูจน์ฝ่าย ระบการรบอิเล็คทรอนิค ระบบการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คเซ็นทริค ที่เชื่อมโยงกำลัง ภาคพื้น กำลังทางเรือ และกำลังทางอากาศ ในส่วนของอาวุธ จะสามารถยิงได้เกินระยะสายตา
----
////
จิตตราภรณ์ เสนวงศ์