คอลัมนิสต์

"บิ๊กตู่" ล่องใต้ ทำคะแนนหายเหม็ด!!!

"บิ๊กตู่" ล่องใต้ ทำคะแนนหายเหม็ด!!!

28 พ.ย. 2560

ครม. สัญจร "หาดใหญ่ - ปัตตานี"แทนที่"บิ๊กตู่"จะไปโกยคะแนนนิยมเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา แต่กับครั้งนี้กลับอุดมไปด้วยบาดแผล อะไรที่ทำให้ผิดแผน และอะไรที่สร้างรอยช้ำ

         การยกคณะลงใต้ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เพื่อตรวจพื้นที่และพบปะประชาชนที่ปัตตานี เมื่อ 27พ.ย. ก่อนจะแพ็กทีมครม.แค่ 15 คน ไปประชุมครม.สัญจร ต่อที่สงขลา ในวันถัดไปงานนี้ดูเผินๆ น่าจะเข้าทาง “บิ๊กตู่” ด้วยพื้นเพคนใต้ใจเต็ม จำนวนไม่น้อยคอยเชียร์รัฐบาลชุดนี้เต็มประตู แต่ทว่าเอาเข้าจริง กาลกลับตาลปัตร !!! เรียกว่าทุลักทุเลกันตั้งแต่ไก่โห่

         เพราะตั้งแต่รู้ว่า ครม.สัญจร เที่ยวนี้จะล่องใต้ หลายคนต่างแปลกใจกันเป็นแถว เหมือนจะมาผิดคิว แทนที่จะล็อคคิวภาคใต้ไว้ในลำดับถัดไป เพราะช่วงนี้ของปี ฝนตกชุกแบบไม่ลืมหูลืมตา คนใต้จะรู้ดีว่าบ้านเขาไม่เคยขาดแคลนฝน บางทีลงเม็ดทั้งวันทั้งคืน การเดินทางสัญจร การตัดยาง การทำมาหากิน หรือกิจกรรมต่างๆ ล้วนลำบากลำบน จนมีคำพูดหล่นจากปากคนใต้บางคนว่า “นายกฯ มาจะได้รู้ ว่าคนใต้ทนแค่ไหน”

         จนแล้วจนรอด วันเดินทางของ “บิ๊กตู่” และคณะ ก็มาถึง 27 พ.ย.กับกำหนดการแรกในภารกิจเป็นประธานในพิธีเปิดป้าย “ตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้”  ที่ จ. ปัตตานี ต่อด้วยการพบปะประชาชน  ตอน 09.00 น. โดยคณะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ เวลา 07.00 น. แต่ฟ้าฝนแดนใต้ดันไม่เป็นใจ จากกำหนดการเดิม “คณะบิ๊กตู่” ล้อเครื่องบินต้องแตะพื้นสนามบินบ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่สามารถทำได้ ฝนที่ตกต่อเนื่องก่อนหน้านั้น ส่งผลให้น้ำท่วมขังรันเวย์สนามบิน จนต้องหันหัวเครื่องบินไปลงที่สนามบินกองบิน 56 ที่หาดใหญ่ สงขลา แทน ก่อนจะขึ้นรถกันกระสุน พร้อมทหารคุ้มกันแน่นหนาตลอดสองข้างทางไปปัตตานี ราวกับไข่ในหิน ทำให้งานแรกก็สายไปแล้ว2ชั่วโมง

         จากนั้น นายกฯ ได้เดินทักทายประชาชน และเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ ก่อนพบกับ “ภรัณยู เจริญ” ผู้ประกอบการประมง มายื่นหนังสือร้องเรียน “บิ๊กตู่” เพราะเดือดร้อนจากวันทำประมงต่อปีได้แค่ 220 วัน 

         พ่อหนุ่มนั่น ไม่รู้ไปพูดจาอีท่าไหน “บิ๊กตู่” ถึงหัวร้อน ตวาดดังออกไมค์ “อย่ามาเถียงฉัน อย่ามาส่งเสียงกับผม เข้าใจเปล่า ผมฟังคุณนี่ พูดดีๆ ก็ได้ กดดันผมไม่ได้ทั้งนั้น”

         ปรากฎว่าคลิปดังกล่าวว่อนโลกโซเชี่ยลมีเดีย จนเกิดเสียงวิจารณ์เสียๆ หายๆ กับภาวะทางอารมณ์ของคนเป็นผู้นำ ที่ประเคนเข้าให้จังๆ กับประชาชนคนตัวเล็ก ที่กลุ้มใจในเรื่องการทำมาหากิน

         ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เรทติ้ง จะดิ่งเหวแค่ไหน กับพฤติกรรมแคลนน้ำใจกันพรรค์นี้ ดอกแรกผ่านไป ดอกสอง ดอกสาม ก็ตามมา

         อย่าลืมว่า ปัญหาในภาคใต้ที่คาราคาซัง แก้ไม่ตกมานาน ทั้ง ปัญหาราคายางพารา ปัญหาข้อพิพาทกับประชาชน และเอ็นจีโอ ที่คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา

         โดยก่อนที่ “บิ๊กตู่” จะเสร็จสิ้นภารกิจที่ ปัตตานี กลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา หรือ เครือข่ายคนสงขลา- ปัตตานี ได้รวมตัวกันบริเวณสี่แยกสำโรง อ.เมือง จ.สงขลา ใกล้กับโรงแรมบีพี สมิหลาบีช สถานที่ที่ เป็นทั้งที่พักของนายกฯ และที่ประชุมประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดภาคใต้และภาคใต้ชายแดน ในช่วงค่ำ วันที่27พ.ย.

         ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง พยายามสกัดกั้นไม่ให้ม็อบดังกล่าวเคลื่อนขบวนเข้ามาถึงโรงแรมที่ “บิ๊กตู่” กำลังจะเดินทางมาถึงเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา

         การพูดคุยเจรจาดูเหมือนจะไม่เป็นผล จนนำมาสู่การเผชิญหน้า ยื้อยุดฉุดกระชาก จนชลมุนวุ่นวาย ฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่พยามสยบความมุ่งมั่นของม็อบที่พยามฝ่าแนวกั้นเจ้าหน้าที่ ภาพที่ไม่มีใครอยากให้เกิด มันก็เกิดตามมา

         การปะทะกันทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย การที่ม็อบบางคนใช้ไม้ตีเจ้าหน้าที่ หรือการที่เจ้าหน้าที่ ใช้กำลังควบคุมตัวกลุ่มคัดค้านบางคนที่กำลังเดือดดาล ไม่ส่งผลดีกับใคร โดยเฉพาะกับฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ และย่อมมีผลถึงภาพลักษณ์ของรัฐบาลอย่างเลี่ยงไม่ได้

         ส่วนดอกสุดท้าย คือเรื่องยางพารา อยู่ๆ แกนนำชาวสวนยาง 4 อำเภอ ของสงขลา ก็ดอดเข้าโรงแรมที่ “บิ๊กตู่” จะประชุมได้ เพื่อยื่นหนังสือถาม 6 ข้อ ถึงการแก้ปัญหายางราคาตกต่ำของรัฐบาล

         “1.นายกฯ รู้จัก 5 เสือในวงการยางหรือไม่ 2.นายกฯ รับรู้หรือไม่ว่าชาวสวนยางเดือดร้อนแสนสาหัส และไม่สามารถอยู่ได้ในขณะนี้ 3.นายกฯ พอใจการทำหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลเรื่องยางพาราหรือไม่ 4.นายกฯ มีแนวทางแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบในระยะยาวหรือไม่ 5.นายกฯ คิดว่าราคายางที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ควรเป็นกิโลกรัมละเท่าไหร่ 6.นายกฯ รัก เมตตาและสงสาร เข้าใจชาวสวนยางบ้างหรือไม่”

         ร้อนจน น.อ.จากกองทัพเรือภาค2 บางคนที่นำกำลังมาดูแลพื้นที่ทั้งในและนอกโรงแรม หงุดหงิดตีโพยตีพายเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางว่าปล่อยให้เข้ามาได้อย่างไร

         ฟาก “บิ๊กตู่” ไอเดียบรรเจิด บอกว่า เมื่อยางราคาตก ก็ให้ไปปลูกมะพร้าว !!!

         “ผมขอให้ปลูกมะพร้าวทุกบ้าน วันหน้าจะขายได้และมีกำไร ปลูกไว้ไม่กี่ปีก็โตแล้ว และกลายเป็นสมบัติให้แก่ลูกหลานได้ ทุกวันนี้เราผลิตไม่พอ แต่รับจากต่างประเทศมาแปรรูป”

         เป็นเรื่องจริงที่ชาวสวนยางควรเปลี่ยนพฤติกรรม หันไปปลูกพืชอื่นที่สร้างเม็ดเงินที่ดีกว่า แต่ในขณะนี้ที่ชาวสวนยางกำลังเดือดร้อน จากสินค้าการเมืองชนิดนี้ ตามที่ “บิ๊กตู่” เคยว่าไว้ การช่วยเหลือเฉพาะหน้าจึงจำเป็นไม่น้อยไปกว่ามาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ในระยะยาว

         การพูดเรื่องปลูกมะพร้าว ที่เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ในวันที่ชาวสวนยางกำลังจะตายวันนี้พรุ่งนี้ เลยไม่ต่างอะไรกับการซ้ำเดิม

         ดังนั้น การล่องใต้เที่ยวนี้ ของ “ครม.ตู่” ดูจะไม่ได้จุดประกายให้ความหวังกับคนปักษ์ใต้สำหรับอนาคตอันใกล้ของเขาเลย หนำซ้ำ การมาไกลเที่ยวนี้ กลับมีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ซึ่งถ้าพูดแบบบ้านๆ คงต้องบอกว่า “บิ๊กตู่” ล่องใต้ เที่ยวนี้ 

         “ทำคะแนนนิยมของตัวเองหายเหม็ดแล่ว” !!!

--------