คอลัมนิสต์

เอาแล้วไง?  พรรคประชาภิวัฒน์  สิบล้อพ่วง "ธรรมกาย"!

เอาแล้วไง? พรรคประชาภิวัฒน์ สิบล้อพ่วง "ธรรมกาย"!

16 เม.ย. 2561

แม้จะเป็นพรรคใหม่ป้ายแดง แต่พอขานชื่อหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค คอการเมืองก็พอจะคุ้นหน้าคุ้นตา

 

          จัดประชุมพรรคไปแล้วที่เมืองปากน้ำโพ สำหรับ “พรรคประชาภิวัฒน์” โดยการนำของ "สมเกียรติ ศรลัมพ์" ที่รวบรวมนักธุรกิจโลจิสติกส์มาก่อร่างสร้างพรรค 

         พรรคประชาภิวัฒน์ มีสัญลักษณ์ประจำพรรคคือนางมณีเมฆขลาถือดวงแก้วมณี มีอักษร ปชภ ที่ด้านซ้ายของรูป มีตัวอักษร PRA ที่ด้านขวาของรูป ชื่อภาษาอังกฤษ “PEOPLE PROGRESSIVE PARTY” สีประจำพรรคสีเขียว อุดมการณ์พรรคคือ จะธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

         แม้จะเป็นพรรคใหม่ป้ายแดง แต่พอขานชื่อหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค คอการเมืองก็พอจะคุ้นหน้าคุ้นตา เมื่อ “สมเกียรติ” จะรับบทหัวหน้าพรรค และ “ส.ส.มันแกว” หรือ "นันทนา สงฆ์ประชา" อดีต ส.ส.ชัยนาท เป็นเลขาธิการพรรค

          เส้นทางการเมืองของ "สมเกียรติ ศรลัมพ์" เริ่มจากเป็น ส.ว.นครสวรรค์ ปี 2543 และมีบทบาททางการเมืองมากพอสมควร จึงถูกดึงตัวไปร่วมงานกับพรรคเพื่อแผ่นดิน เลือกตั้ง 2550 ได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 

          ครั้นเลือกตั้ง 2554 สมเกียรติ ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 75 พรรคเพื่อไทย และได้เป็น ส.ส. โดยเลื่อนขึ้นมาแทนถิรชัย วุฒิธรรม ที่ลาออกไป 

          ที่สื่อมวลชนให้ความสนใจในตัวสมเกียรติมากเป็นพิเศษ ก็เพราะเขาเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่มีความสัมพันธ์อันดีกับวัดพระธรรมกาย

          จะว่าไปแล้ว สมเกียรติเปิดเผยตัวเองว่า เป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายมาแต่สมัยที่มีตำแหน่งทางการเมือง เขาเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

          เมื่อต้นปีที่แล้ว คสช.กดดันวัดพระธรรมกาย เพื่อเข้าจับกุมพระธัมมชโย สมเกียรติกับพล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ไปปรากฏตัวอยู่แถวรั้ววัด จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปสอบสวน

         หลังจากนั้น สมเกียรติได้ออกมามาเคลื่อนไหวร่วมกับศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายที่ตลาดกลางคลองหลวง ในลักษณะที่พยายามนำประเด็นการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ไปขยายผลเชื่อมโยงกับเรื่องการเมืองระดับประเทศ

          ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ยื่นขอจดทะเบียนพรรคประชาภิวัฒน์คือ พล.ต.ไชยนาจ ญาติฉิมพลี อดีตนายกสมาคมเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งนายทหารสายธรรมะท่านนี้ มีความใกล้ชิดกับวัดพระธรรมกายเช่นกัน

          ด้านนักการเมืองหญิงแห่งเมืองชัยนาท “นันทนา สงฆ์ประชา” เติบโตในตระกูลการเมือง “สงฆ์ประชา” ที่ยึดครองพื้นที่การเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นยันระดับชาติ 

          บิดาของนันทนาคือ “บุญธง สงฆ์ประชา” อดีต ส.ส.ชัยนาท ที่มีฐานธุรกิจอยู่ใน อ.หันคา โดยบุญธงเป็น ส.จ.ครั้งแรกปี 2490 ก่อนจะได้เป็น ส.ส.สมัยแรกปี 2526 และสร้างฐานมวลชนไว้แน่น จนได้ฉายา “เจ้าพ่อหันคา” โดยทั้งรุ่นพ่อและลูก สังกัดพรรคชาติไทย

          เลือกตั้ง 2550 สองพี่น้อง "มณเฑียร-นันทนา สงฆ์ประชา" เจอใบแดง แต่ทั้งคู่นำหลักฐานมาชี้แจงต่อ กกต. ปรากฏว่า นันทนารอด แต่มณเฑียรไม่รอด อันเป็นเหตุให้มีการยุบพรรคชาติไทย 

          เลือกตั้ง 2554 “นันทนา” ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยก่อนหน้านั้น อนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท ดึงตัวเธอมาร่วมกลุ่มมัชฌิมาและได้เป็นที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์-พรทิวา นาคาศัย สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปลายปี 2556 นันทนา ลาออกจากพรรคภูมิใจไทยไปสังกัดพรรคเพื่อไทย 

          ระหว่างว่างเว้นกิจกรรมทางการเมือง “ส.ส.มันแกว” จับมือ “สมเกียรติ ศรลัมพ์” เปิด Flower Market Thailand ศูนย์กลางตลาดดอกไม้ ปากคลองตลาดใหม่ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “ปากคลองตลาดใหม่” ย่านตลิ่งชัน

          จุดกำเนิดของพรรคประชาภิวัฒน์ จึงมาจากศูนย์กลางตลาดดอกไม้ ปากคลองตลาดใหม่ และไม่น่าแปลกที่พรรคนี้ จะมีนายทุนพรรคชื่อ "ยู เจียรยืนยงพงศ์" ประธานสมาคมผู้ประกอบการขนส่งแห่งประเทศไทยและแห่งอาเซียน โดยรับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค

          “เหล่าต้า” หรือ ยู เจียรยืนยงพงศ์ ได้ขยับจาก “สิงห์รถบรรทุก” เป็น "ประมุข 10 ล้ออาเซียน" พรรคนี้จึงไม่ธรรมดา 

          พรรคประชาภิวัฒน์ จะเป็นพรรคธรรมกายหรือพรรคสิบล้อ ไม่ใช่ประเด็น...แต่ฐานมวลชนของธรรมกาย ,อาณาจักรสิบล้อ และตระกูลสงฆ์ประชา การันตี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แน่นอน