
ครม.สัญจร"สุรินทร์- บุรีรัมย์":"เสี่เน"จัดให้ไม่ผิดหวัง
ครม.สัญจร"สุรินทร์- บุรีรัมย์":"เสี่ยเน"จัดให้ไม่ผิดหวัง : คอลัมน์... เจาะประเด็นร้อน โดย... สำนักข่าวเนชั่น
ถือเป็นการประชุม ครม.สัญจรที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะงานนี้เหยียบถิ่น “อีสานใต้” สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งว่ากันว่ามีเจ้าถิ่นอย่าง “เนวิน ชิดชอบ” ที่แม้เจ้าตัวจะระบุว่าเลิกเล่นการเมืองแล้ว แต่เอาเข้าจริงบารมีของเขานั้นมีอย่างล้นเหลือ ทั้งในพื้นที่และในพรรคภูมิใจไทย
ชื่อเสียงของ “เสี่ยเน” นั้นเป็นที่รู้กันว่า “เล่นใหญ่” ไม่แพ้ใคร ดูแลทุกคนแบบถึงอกถึงใจ หลายคนเคลิ้มกับเขามาแล้ว และครั้งนี้ก็เช่นกันที่เขาจัดเต็ม ในฐานะเจ้าบ้าน เขาเปิด “ช้างอารีนา” สนามเหย้าของ “ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” พบปะประชาชน และแน่นอนคนที่เขาเอามานั้นเต็มสนาม ประเมินว่ากว่า 3 หมื่นคน มากกว่าจังหวัดไหนๆ ที่เคยไปมา
ตอนแรกหลายคนก็หวั่นๆ ว่าถึงเวลาจะจัดให้ได้จริงหรือไม่ แต่พอประตูเปิดเท่านั้นแหละ เราก็ได้เห็นศักยภาพของ “เนวิน” ว่าแน่แค่ไหน
ก่อนที่จะถึงไฮไลท์ที่สนามฟุตบอล นายกฯ ได้ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ โดยไปที่ด่านชายแดน “ช่องจอม” ซึ่งเป็นด่านถาวรระหว่างไทย-กัมพูชา จุดนี้เองชาวบ้าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่เป็นสตรีประมาณ 150 คน มาร่วมร้องเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” แต่บางคนก็ยังจำเนื้อไม่ได้ เลยต้องกางเนื้อเพลงกันแบบเห็นๆ
แต่แค่นั้นก็พอจะสร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้ชายที่ชื่อ “ประยุทธ์” โดยเขาได้บอก ทุกคนร้องเพลงเพราะมาก ก่อนจะปล่อยมุกตามสไตล์ว่า “ไม่รู้ใครแต่งเพลงนี้”
หากที่เรียกเสียงฮาได้คือคำที่บอกว่า “เพลงของผมมี 6 เพลงขอให้ร้องให้ได้”
แหม!!! ท่าน เพลงเดียวยังต้องกางโพย นี่เล่นจะให้ร้องกัน 6 เพลงเลยหรือ ก่อนที่จะอ้อนว่า ทุกเพลงนั้นเขียนมาจากหัวใจ ไม่ได้ทำให้ทุกคนรักตัวเอง แค่อยากให้รักประเทศชาติ
แน่นอนว่าลูกอ้อนก็เด็ดเหมือนเดิม เพราะบอกว่า “ผมมาด้วยหัวใจ ไม่ได้มาเพื่อให้ทุกคนรัก เพราะรักทุกคนอยู่แล้ว และไม่ได้มาจังหวัดนี้แล้วจังหวัดนี้จะต้องได้งบ 20,000 ล้าน เราจะต้องคิดถึงคนทั้ง 77 จังหวัด ต้องดูถึงความจำเป็นและการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปพร้อมกัน”
ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่ถูกลูกอ้อน เจ้าหน้าที่ประจำด่านกัมพูชาก็ได้รับแจกจ่ายไปด้วย โดยนายกฯ อวยพรเป็นภาษากัมพูชาว่า “ออกุนเจริญ” ซึ่งแปลว่า “ขอบคุณ ขอให้เจริญๆ” พร้อมทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู และส่ง “มินิฮาร์ท” ให้แก่ประชาชน ก่อนขึ้นรถไปยังบ้านท่าสว่างต่อไป
จากนั้นได้ไปที่ “หมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณ” บ้านท่าสว่าง ต.ท่าสว่างอ.เมือง จ.สุรินทร์ และหากมาสุรินทร์แล้วไม่เจอช้างก็เหมือนมาไม่ถึง “สุรินทร์” เจ้าหน้าที่จึงจัดช้างแฝดเพศผู้ อายุ 8 ปี ชื่อ “ทองคำ” กับ “ทองแท่ง” มารอต้อนรับและให้ช้างมอบกระเช้าดอกไม้ให้ด้วย ซึ่งนายกฯ ก็ตกรางวัลช้างทั้งสองเชือกเป็นกล้วยน้ำว้าและแตงกวา หลังจากนั้นได้ยืนชมการแสดงของช้างแฝดเล่นห่วงก่อนจะเดินเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านท่าสว่างและการจัดแสดงสินค้าโอท็อป ที่นี่นายกฯ ได้เซ็นลงบนผ้าไหม และเขียนข้อความว่า “ด้วยรักและห่วงใย”
ที่นี่นายกฯ ได้ชมการทอผ้าไหมและพบปะชาวบ้าน แต่ที่ดูจะเรียกคะแนนนิยมได้มากที่สุดคือการร่วมตีกลองและฟ้อนกันตรึมกับชาวบ้านด้วย รวมถึงได้ชิมข้าวพันธุ์ต่างๆ ของ จ.สุรินทร์
และลูกอ้อนก็ออกมาอีกครั้ง โดยคราวนี้ขอเผื่อแผ่ไปถึงรองนายกฯ ที่ขณะนี้ตกเป็นเป้า โดยบอกว่า “ให้กำลังใจรองนายกฯ ของผมบ้าง อย่าให้กำลังใจแค่ผมเพียงคนเดียว”
ต่อมาก็ถึงคิวสนามฟุตบอลของทีม “ปราสาทสายฟ้า” โดยมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบใส่เสื้อทีม “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” แทรกตัวนั่งอยู่กับประชาชนในพื้นที่ แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อน้ำเงินเข้าแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้หลายคนอดคิดถึงเหตุการณ์วุ่นวายที่พัทยาเมื่อมีการจัดประชุมผู้นำอาเซียนไม่ได้
ขณะที่ประชาชนซึ่งรอต้อนรับก็ทยอยมาตั้งแต่เที่ยงแม้ว่าอากาศจะร้อนระอุก็ตาม ซึ่งการเดินทางมีทุกรูปแบบ รถส่วนตัว รถกระบะ รถบรรทุก รวมถึงรถราชการ และคนแต่งเครื่องแบบราชการ ทุกคนรอชม “ไฮไลท์” ว่างานนี้ “เนวิน” จะจัดอะไรให้
ก่อนนายกฯ จะมาถึง "เนวิน" และ "ซ้อต่าย" ภริยา ได้ทำหน้าที่ "เชียร์ลีดเดอร์ ซักซ้อมกันที่กลางสนามเลยทีเดียว โดยบอกว่าเป็นการแสดงพลังให้เห็นว่าชาวบุรีรัมย์ไม่มีสีเหลือง สีแดงอะไร มีเพียงสีประเทศไทย
เมื่อเวลาสำคัญมาถึง นายกรัฐมนตรีก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เดินเข้าสู่กลางสนาม ประชาชนร่วมสามหมื่นคนเต็มความจุของสนาม ตะโกนเชียร์ “ลุงตู่ ลุงตู่” กระหึ่มไม่แพ้ตอนเชียร์บอล ไม่เคลิ้มงานนี้จะไปเคลิ้มงานไหน ไม่เชื่อลองถามผู้นำคนก่อนๆอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” และ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ว่าเคยเคลิ้มอย่างนี้หรือไม่
จากนั้น “ประยุทธ์” ก็เริ่มทอล์กโชว์ แต่พูดไปพูดมาเสียงเชียร์ชักเบา จะทำให้ใจแป้วหรือเปล่าไม่ทราบ เลยยิงมุกเรียกเสียงเสียหน่อยว่า “พูดไปๆ เสียงชักเบา เบื่อแล้วใช่ไหม ท่านเดินทางมาไกล ผมเลยว่าจะพูดถึงสักทุ่มนึง” ไม่รู้ว่ากลัวท่านพูดยาวหรืออย่างไร เสียงก็กลัับมาดังอีกครั้ง
ส่วนใครที่แอบมองสัญญะทางการเมืองต้องบอกว่า “นายกฯ” พูดไม่มากแต่ก็ต้องคิดแน่ๆ เพราะบอกว่า “ขอเป็นส่วนหนึ่งของท่าน วันนี้ผูกเสี่ยวมาถึงคอ ขอเป็นเสี่ยวกับท่าน ผมก็เป็นคนอีสานเหมือนกัน”
รวมถึงประโยคที่บอกว่า “บ้านเมืองจะอยู่ได้เพราะคนไทยทั้งประเทศ ใครอยู่ต่างประเทศปล่อยเขาไป” เรียกเสียงครางฮือ!!! ได้ทั้งสนาม
ครั้นมาถึงสนามฟุตบอลแล้วจะไม่พูดเรื่องฟุตบอลก็ใช่ที่ โดยระบุว่า “ดีใจได้มาเหยียบสนามคู่แข่งขันซะที ฝากดูอาร์มียูไนเต็ดด้วย ตอนนี้ไม่รู้ตกไปถึงไหนแล้ว Not left any team behind” ซึ่งเป็นการล้อคำพูด “No one left behind” หรือจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังตัวเอง
จากนั้นนายกฯ จึงไปตรวจเยี่ยมสนาม “โมโตจีพี” และได้ทดลองขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ด้วย ซึ่งต้องถือว่าเป็นของที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชื่นชอบและทุกครั้งที่มีโอกาสก็จะขับมอเตอร์ไซค์ด้วย
เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ก่อนนี้ “เนวิน” บอกว่าจะไม่พบกับนายกฯ แต่จะให้การต้อนรับในฐานะเจ้าบ้าน แต่พอถึงเวลา เขากลับปรากฏกายเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ตลอดเวลา และก็มีคนเห็น “เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล เข้ามาร่วมในสนามด้วย เรียกว่างานนี้แม้นักการเมืองหรืออดีต ส.ส.จะไม่มาพบเอง แต่เงาที่ตระหง่านอยู่ข้างหลังนั้นตอบคำถามทั้งหมดได้เป็นอย่างดี