
โอเกะไม้ไผ่-ร้านมาลัยริมทางแฝงขายบริการ "สิงห์รถบรรทุก"
โอเกะไม้ไผ่-ร้านมาลัยริมทางแฝงขายบริการ "สิงห์รถบรรทุก" : รายงาน โดย... อนุรักษ์ เพ็ญสวัสดิ์ ทีมล่าความจริง เนชั่นทีวี 22
การที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) สั่งการให้ตำรวจ ปคม. หรือกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เข้าร่วมสอบสวนคดีนี้ เป็นสัญญาณหนึ่งที่ชี้ชัดว่า ตำรวจเริ่มเชื่อว่าการส่ง “น้องหญิง” น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช วัยเพียง 19 ปี ขึ้นรถเทรลเลอร์ไปกับ “นายอ๊อฟ” สุรพล ดาราคำโชเฟอร์รถพ่วงจนพบจุดจบนั้น ไม่น่าใช่แค่การฝากให้นั่งรถพาไปส่งบ้านธรรมดาๆ
แต่อาจจะเป็นการล่อลวงโดยผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์เพื่อขายบริการทางเพศก็เป็นได้!
คำถามที่หลายคนยังติดใจสงสัยก็คือ “ขบวนการค้ามนุษย์” เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้อมูลที่ทีมข่าวตรวจสอบได้ พบว่ากลุ่มคนขับรถบรรทุกสิบล้อและรถพ่วงมีอยู่เป็นจำนวนมาก ตามการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คนขับรถเหล่านี้โดยเฉพาะกลุ่มที่ขับรถขนส่งสินค้าสายยาว ระยะทางไกลๆ การเดินทางเที่ยวหนึ่งอาจใช้เวลาหลายวัน จึงต้องแวะพักระหว่างทาง และในกลุ่มคนขับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ก็จะมีจุดแวะพักที่เป็นที่รู้กัน เพื่อความปลอดภัย และช่วยดูแลกันเอง
“ส่วนใหญ่คนขับรถบรรทุกจะเลือกสถานที่พักผ่อนตามปั๊มน้ำมันหรือปั๊มแก๊สใหญ่ๆ ในเส้นทางสายหลักที่จะต้องไปส่งสินค้า เรียกง่ายๆ ว่าจะหยุดพักในจังหวัดที่อยู่ครึ่งทาง หรือกึ่งกลางของเส้นทางที่ต้องไปส่งสินค้านั่นเอง โดยบรรดาโชฟอร์จะรู้กันในกลุ่มว่าจะไปนอนพักผ่อนบริเวณใดได้บ้าง บางคนขับรถประจำในเส้นทางนั้น ก็เจอโชเฟอร์ร่วมอาชีพหน้าเดิมบ่อยๆ ก็สนิทกัน หลายคนก็นัดไปจอดรถนอนพร้อมๆ กันหลายคันเพื่อความปลอดภัย” เป็นข้อมูลจากนายหม่อง (นามสมมุติ) โชเฟอร์รถพ่วงที่ขับประจำในภาคตะวันตก
ข้อมูลเท่าที่ทีมข่าวรวบรวมได้ พบว่าจุดแวะพักของโชเฟอร์รถบรรทุกขนาดใหญ่ ถ้าเป็นสายเหนือจะอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ สายอีสานที่ จ.ชัยภูมิ และนครราชสีมา สายใต้ จะแวะพักที่ จ.เพชรบุรี หรือวังมะนาว ส่วนเขตปริมณฑลของกรุงเทพฯ จะแวะพักกันแถบบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เวลาจอดพักก็จะแวะจอดนอนตามปั๊มแก๊ส หรือปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ โดยมากมักนอนในรถ อาบน้ำในปั๊ม เรียกว่าครบวงจร มีบ้างเหมือนกันที่ไปพักตามโรงแรม ซึ่งก็จะมีแหล่งเฉพาะของโชเฟอร์รถบรรทุกเนื่องจากรถมีขนาดใหญ่ ต้องใช้ลานจอดกว้างๆ
สาเหตุที่ต้องนัดไปจอดบริเวณเดียวกันจนกลายเป็นศูนย์รวมรถบรรทุก ก็ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
“หากไปจอดนอนที่เปลี่ยวๆ อาจจะเกิดอันตรายได้ หรืออาจถูกขโมยสินค้า เพราะอาชีพขับรถส่งสินค้าถือเป็นอาชีพที่เสี่ยงอันตรายมาก หากเปรียบเทียบก็เหมอนเอาตัวเองหรือเอาขาข้างหนึ่งเข้าคุกรออยู่แล้ว เนื่องจากหากขับรถประมาทชนใครเสียชีวิต ก็เตรียมติดคุกได้เลย นี่ยังไม่นับรวมหากสินค้าบนรถถูกขโมยอีก ก็ต้องเป็นฝ่ายชดใช้ให้บริษัทผู้รับส่งสินค้า” นายหม่อง กล่าว
เมื่อต้องขับรถทางไกลใช้เวลาเดินทางหลายวัน เมื่อเหนื่อยหนัก แวะพัก ก็มักมีโชเฟอร์บางกลุ่มต้องการหย่อนใจ สังสรรค์ กินดื่มให้หายเหนื่อย โชเฟอร์รถบรรทุกหลายๆ คนนิยมไปนั่งดื่มกินตามร้านคาราโอเกะที่มีไฟสีๆ ริมทาง ซึ่งหลายแห่งมีหญิงบริการในลักษณะ “เด็กนั่งดริงก์” มีห้องหับสำหรับหลับนอนหลังร้าน นี่เองจึงเป็นส่วนหนึ่งของ “ขบวนการค้ามนุษย์” ที่ตำรวจกำลังจับตา
“กลุ่มโชเฟอร์จำนวนไม่น้อยที่สนิทสนมกัน ขับรถสายเดียวกัน ก็จะนัดกันไปสังสรรค์ตามร้านคาราโอเกะที่มีอยู่ตามข้างทาง ริมถนนซูเปอร์ไฮเวย์ ซึ่งก็มีบางร้านที่มีสาวๆ ไว้บริการด้วย ส่วนสถานที่ที่ใช้ในการร่วมหลับนอนก็จะเป็นห้องพักชั่วคราวที่อยู่หลังร้านคาราโอเกะ หรือห้องพักที่หญิงขายบริการเปิดเอาไว้เอง” โชเฟอร์รถบรรทุกคันหนึ่งให้ข้อมูล
นอกจากร้านคาราโอเกะริมไฮไวย์แล้ว ยังมีร้านขายพวงมาลัยริมทางที่ประดับไฟนีออนหลากสี เป็นสัญลักษณ์ที่รู้กันในกลุ่มโชเฟอร์รถบรรทุกและรถพ่วงว่าผู้หญิงที่ยืนขายมาลัยจะพ่วงขายบริการทางเพศด้วย ถ้าสนใจก็ซื้อมาลัย แล้วรับขึ้นรถไปเลย อีกพวกหนึ่งเป็นนายหน้าที่พาหญิงสาวไปขายบริการให้กับโชเฟอร์รถบรรทุกที่พักนอนตามปั๊ม หากตกลงซื้อขายบริการกันก็จะใช้ห้องโดยสารในรถเป็นนิวาสสถานหลับนอน
“เด็กสาวๆ พวกนี้จะขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามปั๊มหรือสถานที่ที่โชเฟอร์รถบรรทุกใช้เป็นสถานที่พักผ่อน แล้วก็จะใช้วิธีสอบถามแบบเคาะเรียกที่ประตูรถ ถามว่า...พี่ๆ เที่ยวไหม ถ้าสนใจก็จะตกลงราคากัน ราวๆ 1,200-1,500 บาทต่อครั้ง” โชเฟอร์รถพ่วงอีกคนหนึ่งให้ข้อมูล
ข่าวคราวเกี่ยวกับคดีน้องหญิงที่เชื่อมโยงไปถึง “นายอ๊อฟ” คนขับรถพ่วง ในบางบริบทก็ทำให้กลุ่มโชเฟอร์รถบรรทุกขนาดใหญ่ถูกมองในแง่ไม่ดีไปด้วย ทั้งๆ ที่คนกลุ่มนี้ต้องทำงานหนัก และเป็นกระดูกสันหลังให้เศรษฐกิจของประเทศ เพราะเป็นกลไกสำคัญของระบบโลจิสติกส์ หรือการขนส่งสินค้า ฉะนั้นปัญหาของนายอ๊อฟ การดื่มสุรา และการซื้อบริการทางเพศ จึงเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่ใช่เหมารวม
สมบัติ รัฐโรจน์ โชเฟอร์รถเทรลเลอร์ที่ตรากตรำทำงานนี้มาหลายปี เล่าว่า ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน บางครั้งต้องอยู่บนรถต่อเนื่องนานกว่า 24 ชั่วโมง จึงต้องซื้ออาหารมาตุนไว้บนรถ เพื่อกินประทังหิว และต้องมีกระติกน้ำเล็กๆ ใส่น้ำแข็งไว้ดื่มดับกระหาย ส่วนเวลาพักนอน ก็จะนอนบนรถ โดยใช้การปรับแต่งเบาะโดยสารด้านหลังให้เป็นเตียงนอน แต่ก็ไม่ได้สุขสบาย แค่พอให้ได้พักผ่อนไปวันๆ ส่วนการซักเสื้อผ้า ก็จะมีถังน้ำและอุปกรณ์ทำความสะอาดเตรียมไว้บนรถด้วย
สมบัติ บอกด้วยว่า อาชีพนี้ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย เพราะนอกจากจะต้องขับรถอย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยแล้วยังต้องคอยระวังหัวขโมยที่จ้องขโมยสินค้าบนรถ
“เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมเพิ่งถูกโจรขโมยแบตเตอรี่รถไป 2 ลูก ต้องไปซื้อแบตเตอรี่ใหม่มาใส่ เสียเงินไปอีก 4 พันกว่าบาท แถมก่อนหน้านี้ ตอนที่ไปส่งสินค้าในภาคอีสานยังโดนโจรมากรีดผ้าใบคลุมรถ เอาสินค้าของบริษัทไปอีก สุดท้ายผมก็ต้องชดใช้ด้วยเหมือนกัน” สมบัติระบายทุกข์ของโชเฟอร์รถใหญ่ที่ใครๆ มองว่าเป็นสิงห์เจ้าถนน
ทุกอาชีพมีคนดีและไม่ดีปะปนกันไป ปัจจัยที่ทำให้คนเราก่ออาชญากรรม หลายๆ ครั้งก็ไม่ใช่นิสัยหรือสันดานดิบส่วนตัวแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความลำบากในการประกอบอาชีพ ความอยากได้อยากมี และที่สำคัญคือความไร้ระเบียบ ตลอดจนความหย่อนยานของผู้บังคับใช้กฎหมาย จนกลายเป็นช่องทางให้คนธรรมดาๆ กลายร่างเป็นโจรได้เหมือนกัน!