คอลัมนิสต์

'เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ'

'เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ'

06 ก.ย. 2561

'เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ' "บิ๊กแดง" ช่วยปัดกวาด ทบ. ดันโรดแมปเลือกตั้ง

 

          เพียงปรากฏชื่อ "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ตท.20) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก จะก้าวขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คนที่ 41 ในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 นี้นั้น

 

          เริ่มมีข้อความแพร่สะพัดไลน์กลุ่มทหารกองทัพบก 'ดิสเครดิต' คุณสมบัติว่าที่ทบ.1 คนใหม่เสียแล้ว 

 

          อาทิ เรียนซ้ำชั้นเเละจบไม่พร้อมเพื่อนๆเตรียมทหารรุ่น 20 และเรียนไม่ผ่านหลักสูตรจู่โจมของกองทัพบก (เสือคาบดาบ หรือ การรบแบบจู่โจม ranger)

 

          ข่าวลือยังกล่าวยังรวมถึงเส้นทางการเติบโตในกองทัพช่วงต้น ที่อาศัยแรงผลักดันบิดา คือ "บิ๊กจ๊อด" พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ สมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และอดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่มีบทบาทในเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 คอยหนุนหลังบิ๊กเเดง


          เพราะทันที "บิ๊กแดง" เรียนจบปริญญาโทบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเซาท์อีสต์เทิร์น วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ได้เข้าช่วยงานหน่วยข่าวของกองบัญชาการทหารสูงสุด ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น กองทัพไทย 

 

\'เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ\'

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ว่าที่ผบ.ทบ.

 

          'ว่าที่ ผบ.ทบ.' คนนี้เคยมีผลงานที่เลื่องลือปรากฏให้เห็นในเหตุการณ์การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพราะเป็นผู้นำกำลังทหารปฏิบัติการยึดคืนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไทยคมที่ จ.ปทุมธานี จากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 

 

          แต่ 'วีรกรรม' เป็นที่เล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ของ "บิ๊กแดง" คือ นายทหารที่เดินเข้าไปกระซิบกับ นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดี ม.112 ที่หลบหนีในต่างประเทศ ในช่วงดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีพฤติกรรมจวบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์รุนแรง 


          "กรุณาอย่ายุ่งกับในหลวงของผม" คือคำพูดที่บิ๊กแดงระบุ

 

          แต่...เสียงนินทาในกองทัพนั้น ในทางโลก สิ่งเหล่านี้ย่อมบังเกิด เป็นสัจธรรมชีวิต เพราะเมื่อมีคนรัก ย่อมต้องมีคนชัง แต่ในสภาวะบ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงรอยต่อ ความกลมเกลียว เป็นเนื้อเดียวกันของทหารในกองทัพ ล้วนมีสำคัญในการประคับประคองสถานการณ์ในโค้งสุดท้าย เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งในต้นปี 2562  


          โดยเฉพาะท่าทีการตัดสินใจว่าจะลงสู่เวทีการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช.หรือไม่ เพราะหากบิ๊กตู่ตัดสินใจเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเเล้วนั้น บิ๊กตู่น่าจะอาศัย กองทัพ เป็น 
กองหนุนเเบบกลายๆ

 

          เป็นที่รู้กันว่า พล.อ.อภิรัชต์ แม้จะเติบโตมาในกลุ่มวงศ์เทวัญ ถือเป็นน้องรักและได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นทหารกลุ่มบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี เพราะนอกจากมีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการทหารแล้ว แต่ยังกว้างขวางในด้านการเมือง ครั้งที่เคยปรากฏภาพถ่ายหมู่ ระหว่างตระกูลสะสมทรัพย์ ประกอบด้วย นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์  นายไชยยศ สะสมทรัพย์ นายไชยา สะสมทรัพย์ และ นายอนุชา สะสมทรัพย์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี 

 

          โดย พล.อ.อภิรัชต์ เคยแก้ต่างข้อครหาเป็นตัวกลางดึงตระกูลสะสมทรัพย์ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ว่า "เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ได้นัดหมายกับตระกูลสะสมทรัพย์ แต่ไปตีกอล์ฟสนามเดียวกัน คนรู้จักกัน ทักทายตามปกติ และพวกเขามาขอถ่ายรูปคู่นายกรัฐมนตรี มีรองนายกรัฐมนตรี และผมร่วมด้วยแค่นั้น ไม่มีอะไร"

 

          แม้ประสบการณ์ทางทหาร และการเมืองจะมีพอตัว แต่เมื่อต้องก้าวมาเป็นผู้นำสูงสุดกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ จะเป็น ผบ.ทบ.ที่สวมหมวกหลายใบ คือเลขาธิการ คสช. ประธานบอร์ดกองสลากฯ, กรรมการ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)กรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมถึงภารกิจพิเศษที่ยังต้องปฏิบัติควบคู่ไปด้วย

 

          โดยเฉพาะการดูแลสภาวะแวดล้อมในช่วง 5 เดือน ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้งไปนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ให้เอื้อต่อการบริหารงานของรัฐบาล คสช. ภายใต้สถานการณ์ดูเหมือนสงบ แต่หน่วยข่าว คสช.ยังพบคลื่นใต้น้ำ พร้อมจะปะทุขึ้นมาทุกเมื่อ ในขณะเดียวกัน ต้องกำกับดูแลกิจการภายในรวมกองทัพ รวมถึงกำลังพลกว่า 200,000 นาย ตลอดจนถึงการช่วยเหลือประชาชนประสบอุทกภัย เท่ากับว่า "พล.อ.อภิรัชต์" งาน 'ล้นมือ'

 

\'เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ\'

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่รอง ผบ.ทบ.

 

          ผบ.ทบ.คนใหม่ จำต้องมี 'เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ' อย่าง "บิ๊กเล็ก" พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบก ว่าที่รอง ผบ.ทบ. 'ดีกรี' ประธานนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 20 มาแบ่งเบางานในกองทัพ และ คสช. เพราะเป็นนายทหารเติบโตสายงานกองทัพบกมากว่า 10 ปี ตั้งแต่ ผู้อำนวยการกอง กรมยุทธการทหารบก ,เจ้ากรมยุทธการทหารบก ,รองเสธนาธิการทหารกองทัพบก และยังเข้าช่วยงาน คสช.ในตำแหน่ง หัวหน้าส่วนอำนวยการ สำนักงานเลขาธิการ คสช.ตั้งแต่ปี 2559 นับได้ว่า ทุกซอก ทุกหลืบ ของกองทัพบก ไม่รอดหูรอดตา "บิ๊กเล็ก"

 

          ปัจจุบันความรับผิดชอบในตำแหน่ง เสธ.ทบ.ของ พล.อ.ณัฐพล ดูแลงานในสายงานการข่าว ยุทธการ การฝึกศึกษาทางทหาร กิจการต่างประเทศ และปลัดบัญชี พ่วงท้ายด้วยตำแหน่งเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) และผู้ช่วยเลขาธิการ คสช. แต่เมื่อต้องก้าวสู่ตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. ในอนาคต คาดว่า พล.อ.ณัฐพล ยังคงได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ และ ผบ.ทบ.คนใหม่ช่วยดูแลงานส่วนนี้อยู่ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสายการบังคับบัญชากองทัพ และเดินหน้าสู่เลือกตั้ง

 

          "พล.อ.ณัฐพล เติบโตในตำแหน่งกองทัพบกมากว่า 10 ปี ท่านรู้งานในทุกๆด้าน ทั้งนี้กองทัพบก เปรียบเสมือนบ้าน ตำแหน่ง เสธ.ทบ. คือ แม่บ้าน ต้องดูแล ปัดกวาดเช็ดถู ท่านรู้ว่าบ้านหลังนี้ มีปัญหาอะไรบ้าง ต้องแก้ไขอย่างไร ก็จะนำเสนอให้ พ่อบ้าน (ผบ.ทบ.)เป็นผู้ดำเนินการ ในขณะที่พ่อบ้าน ออกไปทำงานข้างนอก รับนโยบาย (นายกรัฐมนตรี) มาสั่งการแม่บ้านอีกต่อหนึ่ง และที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า พล.อ.ณัฐพล ดูแลงานภายในและภายนอกกองทัพบก ได้เนี๊ยบมาก" แหล่งข่าว กองทัพบก ระบุ

 

         ทั้งนี้ พล.อ.ณัฐพล เป็นนายทหารมีอัธยาศัยและวาจาดี โดยคุณลักษณะดังกล่าว ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้วางใจและมอบหมายทำหน้าที่ เจรจากับกลุ่มเกษตรกรประสบปัญหาราคาตกต่ำของชาวสวนยาง สวนปาล์ม ในจังหวัดภาคใต้ และชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ไม่ให้เดินทางเข้ามาชุมนุมใน กทม.จนประสบความสำเร็จ 

 

          นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล ยังเป็นตัวกลางสำคัญ พูดคุย กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ "พีมูฟ" ให้กลับบ้านได้สำเร็จ หลังเดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความสุขที่แท้จริงให้กับคนจน พร้อมปักหลักชุมนุม ตั้งแต่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน้าองค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประมาณ 10 กว่าวัน

 

\'เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ\'

พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 3

 

          ส่วนงานระดับกองทัพภาคและการเมืองในพื้นที่จะมี เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 20 ของ พล.อ.อภิรัชต์ อย่าง "บิ๊กป๋อ" พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 3 มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลการปฏิบัติช่วยชีวิต 13 ทีมฟุตบอลเยาวชนหมู่ป่าอะคาเดมี ติดภายในวนอุทธยานถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย จนประสบความสำเร็จ เสริมทัพด้วยเพื่อนร่วมรุ่นอีกคนคือพล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์  ว่าที่รองแม่ทัพภาคที่ 3 

 

          ส่วนกองทัพภาคที่ 4 ยังคงรับภาระเดินหน้าแก้ไขปัญหาไฟใต้ สร้างสภาวะแวดล้อม ให้เอื้อต่อการพูดคุยสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี "บิ๊กเดฟ" พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ (ตท.20) ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 4 คอยกำกับดูแลงานพื้นที่ และเป็นนายทหารทำงานร่วมกับ พล.อ.ณัฐพล ในการแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำของ กลุ่มเกษตรกรสวนยาง สวนปาล์มและชาวประมง ในช่วงนั้นอีกด้วย

 

\'เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ\'

พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 4

 

          ขณะกองทัพภาคที่ 1 มี 'น้องรัก' พล.อ.อภิรัชต์ สายวงศ์เทวัญอีกคนคือ "บิ๊กบี้" พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ (ตท.22) ว่าที่ แม่ทัพภาคที่ 1 เติบโตเส้นทางเดียวกันดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ กทม.และอีก 26 จังหวัดของภาคกลาง และคาดกันว่า "บิ๊กบี้" จะเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ.เพื่อชิงตำแหน่ง ผบ.ทบ. เพราะมีอายุราชการถึงปี 2565 ในขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์ จะเกษียณ ปี 2563  ส่วนกองทัพภาคที่ 2 ยังเป็นหน้าที่ของ "บิ๊กแบล็ค" พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 คนเดิมอยู่ ซึ่งผลงานที่ผ่านมาไม่น้อยหน้าใคร

 

          พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการ จะมีผลเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 นี้ ต้องจับตาดู พล.อ.อภิรัชต์ จะมีนโยบายการทำงานให้กำลังพลกองทัพบก ถือเป็นกำลังหลักทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย รองรับการเลือกตั้งในเร็ววัน รวมถึงการแบ่งงานให้ 5 เสือ ทบ.ที่จะเป็นมือไม้ในการทำงานให้บิ๊กเเดงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้.