"กลุ่มคนรักแมว"พลังนี้มีเพื่อ "เพื่อน" | คมชัดลึก

 

          โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้คือ น.ส.วรารัตน์ กระแสร์ หรือ “ดีเจซัน” หญิงสาวหน้าตาดี วัย 30 ปี มีอาชีพเป็นดีเจอิสระเปิดเพลงตามผับ

          แน่นอนเรื่องนี้จะทำให้กระแสที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธแค้น และเทหนักไปทางจะต้องดำเนินคดีกับดีเจสาวผู้นี้ให้ถึงที่สุด!

          พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าที่เธอทำนั้นก็เพื่อถ่ายคลิปไปลงดาร์กเว็บ จนเมื่อได้เงินสกุลบิทคอยน์มาแล้ว ก็สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินจริงมาใช้ได้

          อย่างไรก็ดี ช่วงวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีรายงานว่าหลังจากดีเจสาวส่งทนายความขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหาที่นัดครั้งแรกวันที่ 23 ตุลาคม ไปเป็นวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยอ้างว่าเจ็บป่วย และมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน

          แต่พนักงานสอบสวนก็ได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้ดีเจสาวมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 29 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ หากไม่มาจะดำเนินการออกหมายจับทันที

          โดยเจ้าหน้าที่ยังมีคำให้การและพยานจากกล้องวงจรปิดที่ยอมรับว่ามีการนำแมวใส่กระเป๋าสะพายข้างขึ้นรถไปจริง ซึ่งเหล่านี้รอการพิสูจน์ว่าระหว่างทางแมวไปเสียชีวิตในขั้นตอนไหนอีกด้วย

          ก็นับเป็น “ข่าวดี” ที่คนไทยและคนรักแมว เห็นว่ามีความคืบหน้าที่ดำเนินไปในทางที่มีความหวัง!

 

 

          แต่มุมหนึ่งก็น่าคิดว่า หากเรื่องนี้มีเพียงเจ้าของแมวที่เดินหน้าเรื่องคดีเพียงลำพัง ขาดซึ่งการช่วยเหลือของเครือข่ายของกลุ่มคนรักแมว...สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะลงแบบไหน?

 

          ด้วยพลังและเครือข่าย

          แน่นอน แม้ว่าพฤติกรรมต่างๆ ของดีเจสาว ซึ่งหลายอย่างก็มาจากการตั้งข้อสังเกตของชาวเน็ต ที่เป็นเพียงความสงสัยที่ไร้หลักฐานทางกฎหมาย

          แต่สำหรับ “กลุ่มคนรักแมว” ที่นำโดย “เก๋” ชลลดา เมฆราตรี, “ตูน” อิศราภรณ์ สมุทรกลิน เจ้าของแมว, นัชญ์ ประสะสิน เจ้าของเพจดัง Kingdom Of Tigers: ทูนหัวของบ่าว, กลุ่ม The Hope Thailand และ Watchdog Thailand

          พวกเขาคงไม่ได้มาอย่างไร้ข้อมูลแน่ๆ เพราะนอกจากมั่นใจว่ายังมีน้องแมวอีกจำนวนหนึ่งที่ดีเจสาวคนนี้ได้รับไปเลี้ยงมาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้งหมดอาจถูกกระทำทารุณเช่นเดียวกัน

          กลุ่มนี้ยังมีการทำงานของกลุ่มก้อนที่เป็นเครือข่ายที่จะทำเอาวายร้ายของหมาและแมว จะต้องหนาวเลยทีเดียว

 

          ทั้งนี้หลังจากที่ผู้เสียหาย หรือ “ตูน” ได้โพสต์ลงสื่อโซเชียลในเพจ “หาบ้านน้องหมา น้องแมว” เล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมในการติดต่อขอรับลูกแมวไปเลี้ยงและลักษณะการพูดจาวกไปวนมาของดีเจสาวคนนี้

          กระทั่งเมื่อเจ้าของแมวได้โทรไปติดตามความคืบหน้าของการรับเลี้ยงลูกแมว ดีเจสาวก็พูดจาวกวน ผิดปกติ ที่สุดจึงมีการแจ้งความกับตำรวจ เพราะสงสัยในความปลอดภัยของแมวจนเป็นข่าวอยู่ตอนนี้

          เวลานั้นกลุ่มแรกๆ ที่เกาะติดเรื่องนี้คือเพจ Watchdog Thailand ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อจากต้นทาง ในช่วงวันที่ 20 ตุลาคม โดยโพสต์ภาพพร้อมข้อมูลในส่วนของข้อสงสัยเรื่องโลกโซเชียลประเภทดาร์กเว็บ หรือ เว็บไซต์เกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายหรืออาชญากรรม ว่าเคสของดีเจสาวอาจจะเป็นการฆ่าสัตว์เพื่อแลกเหรียญในดาร์กเว็บก็ได้

          หลังจากนั้น “เพจทูนหัวของบ่าว” ก็ตามมาติดๆ และยังเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการเกาะติดคดี โดยเพจมีการโพสต์ชักชวนให้ลูกเพจและคนรักสัตว์ไปช่วยกันให้กำลังใจเจ้าของแมวและเจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำงานในคดีนี้

          ผลคือ วันที่ 23 ตุลาคม สน.เพชรเกษม มีคนรักแมวมากันจำนวนมาก ไม่รวมสื่อมวลชนที่มากันล้นหลาม!!

 

          เช่นเดียวกับแนวร่วมอย่าง “เก๋” ชลลดา ที่มาในฐานะผู้ก่อตั้งมูลนิธิ “เดอะ วอยซ์ เสียงจากเรา” ที่ในฐานะคนบันเทิงซึ่งสื่อพากับจับต้อง เธอจึงมีบทบาทในการให้ข้อมูลคดี และการส่งต่อเรื่องราวไปยังสื่อมวลชน

          ส่วนพีระบุญจากเดอะโฮปไทยแลนด์ ก็ร่วมให้ข้อมูลว่ามีพยานในคดีนี้รวมถึงผู้เสียหายรายอื่นๆ ไม่ต่ำกว่า 4 ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นคนที่เคยให้แมวไปกับดีเจสาว ซึ่งเชื่อมั่นว่าพยานหลักฐานที่มีสามารถเอาผิดดีเจสาวได้

          เหล่านี้คือภาพของการรวมพลังที่ไม่ได้มาเล่นๆ แต่พวกเขาบอกเลยว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของแมวตัวเดียว แต่นี่คือการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างสำหรับคนที่คิดจะฆ่าสัตว์ที่ไม่ว่าจะแมวหรือเสือ ล้วนมีสิทธิ์มีเสียงในการมีชีวิตอยู่เท่าๆ กับมนุษย์ทั้งสิ้น!!

          เทวดาของเพื่อนซี้ 4 ขา

 

          อย่างที่เห็นกันไปแล้วว่าการที่กลุ่มคนรักแมวออกมาแสดงตัวที่ สน.เพชรเกษม เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา แน่นอนว่ามุมหนึ่งพวกเขาบอกว่ามาเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำคดีนี้ให้ถึงที่สุด

 

          แต่อีกมุมก็ชัดเจนว่านี่คือการ “กดดันด้วยรอยยิ้ม”, “เอาจริงอย่างนุ่มนวล” ว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้คดีนี้เงียบหายไปแน่ๆ!!

          “เก๋” ชลลดา แม้คนไทยหลายคนจะจำเธอได้ว่าเป็นคนบันเทิง แต่อีกด้านหนึ่งคนไทยจะเห็นทบาทของเธอจากการเป็นคนหนึ่งที่ยืนแถวหน้าในการรณรงค์ให้เกิดพ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ มาตลอด จนสำเร็จเมื่อไม่กี่ปีก่อน 

          แต่มากกว่านั้นเธอยังเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ “เดอะ วอยซ์ เสียงจากเรา” ที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่ถูกทิ้งจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยเมื่อปี 2554

          ซึ่งสำหรับแฟจเพจ The Voice (เสียงจากเรา) นั้น ก็มีผู้กดไลค์และติดตามอยู่ถึงหลักแสนต้นๆ

          ส่วน นัชญ์ ประสะสิน เจ้าของเพจดังทูนหัวของบ่าว คงไม่ต้องบรรยายมากว่าเพจนี้ฮอตฮิตขนาดไหน

          แต่ที่แน่ๆ เพจทูนหัวของบ่าวถือเป็นเทรนด์เซตเตอร์เพจหนึ่งที่ทำให้กระแส “ทาสแมว” บูมสุดๆ ในไทยจนถึงขณะนี้ แมวและสุนัขจำนวนมาก ทั้งที่ขาดบ้านและเป็นสัตว์ป่วยได้รับการช่วยเหลือประสานงานจากเพจนี้มานับไม่ถ้วน

 

 

          และด้วยความน่ารักของแก๊งนายทาสครอบครัวแมวของ “นัชญ์” ยิ่งทำให้มีผู้คนเข้าไปติดตามเพจของเธอมากมายมหาศาลกับยอดไลค์หลัก 3 ล้านกว่าๆ น่าจะทำให้หลายคนเห็นภาพแล้วว่าเมื่อแมวหนึ่งตัวถูกทารุณจนตาย แนวร่วมคนรักแมวจะสร้างปรากฏการณ์ได้ขนาดไหน

          นอกจากนี้ในส่วนของ The Hope Thailand และ Watchdog Thailand ที่เข้ามาร่วมช่วยกัน ทั้งสองที่ก็เน้นช่วยเหลือสัตว์ทุกรูปแบบ ที่แรกก่อตั้งโดย พีระบุญ เจริญวัย ที่ทำงานจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสัตว์มามากมายหลายเคส ส่วน Watchdog Thailand ก็เป็นองค์กรด้านพิทักษ์สุนัขและสัตว์ ที่ทำงานลักษณะเดียวกัน

000

          เวลานี้ภาพของกลุ่มคนเหล่านี้จึงเปรียบเหมือนเทวดาของเหล่าหมาแมว ที่กำลังร่วมกันเพื่อให้คดีนี้ได้รับการไขความจริง และนำไปสู่การลงโทษผู้ทำผิด โดยเฉพาะกฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 จะต้องไม่ใช่แค่กระดาษ!!

 

          “วรารัตน์”เธอคือใคร?

           ภาพที่คนไทยเห็นพร้อมกันจากสื่อโซเชียลคือภาพของดีเจสาวผู้ต้องสงสัยฆ่าแมวอยู่ในอาการมึนๆ ขณะมาพบเจ้าหน้าที่ใน สน.เพชรเกษม พร้อมซากแมว

          และเป็นเรื่องปกติของโลกโซเชียลที่ผู้คนจะพากันขุดคุ้ยหาข้อมูลของ “วรารัตน์ กระแสร์” หรือดีเจซัน อายุ 30 ปี ดีเจอิสระเปิดเพลงตามผับผู้นี้

          และที่ต้องตกใจคือเธอเองมีประวัติที่ไม่ธรรมดาถ้าเอาเฉพาะที่มีการยืนยัน ตัดส่วนที่ “ว่ากันว่า” ออกไป มีดังนี้

 

 

 

          เธอเคยลงชื่อในการแก้ไขกฎหมาย ม.112, เธอเคยชูป้ายตอนจุดเทียนที่หอศิลป์จนได้ออกรายการช่องหนึ่ง, เธอเคยสวมเสื้อสีขาวในนาม “กลุ่มพอกันที” จุดเทียนเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

          และเธอยังเป็นคนชูป้ายข้อความว่า “หากคุณต้องการจัดการปัญหาการทุจริต และฆ่าระบอบทักษิณ สามารถทำได้ด้วยการไปเลือกตั้ง”

          แต่เรื่องนี้ย่อมเป็นคนละเรื่องกับการที่เธอ “อาจ” จะเป็นผู้กระทำผิดในพ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ฉบับแรกของประเทศไทย

          ส่วนเรื่องที่เธออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องติดต่อสื่อสารกับดาร์กเว็บ หรือเว็บไซต์ผิดกฎหมายนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องตามกันว่าเจ้าหน้าที่จะค้นไปลึกถึงข้อมูลตรงนี้หรือไม่

          แต่หากทุกอย่างรวมเป็นตัวเธอคนนี้จริง ก็น่าคิดว่า แท้จริงแล้วเธอคนนี้คือใคร และอะไรที่เป็นแรงจูงใจของเรื่องราวทั้งหมด!!