เจาะยุทธการเเตกเเบงก์พันเป็นเเบงก์ร้อย
คอลัมน์... จี้จุดตาย..คลายจุดเป็น โดย... เร้นกาย ไร้เงา
คนวงในเพื่อไทยอ่านหมากการเมืองในเร็ววันนี้ไว้อย่างน่าพินิจว่า จากนี้ไปควรจะมีพรรคขนาดกลางเป็นสาขา...
เพราะเกมตั้งรัฐบาลส่อเเววยืด....
วันนี้เเม้ว่าเพื่อไทยจะยังเป็นพรรคอันดับหนึ่งที่ชาวบ้านให้ความวางใจเลือกเข้ามาหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดเขต จากการส่งสองร้อยห้าสิบเขต เเม้จะไม่มีปาร์ตี้ลิสต์เเม้เเต่คนเดียวก็ตาม
หากกติกาหย่อนบัตรเเบบนี้ยังอยู่...รับรองว่า เลือกตั้งคราวต่อไป เพื่อไทยก็อาจอ้างได้ว่าพรรคน่าจะชนะเลือกตั้งอีกเเต่ปาร์ตี้ลิสต์ก็จะไม่มีเช่นเดิม
เมื่อเหลียวมองพรรคอื่นๆ ที่เเทบไร้ขุนพลเข้ารัฐสภาจากกติกานี้หลายชีวิต ร้อยทั้งร้อยรับรองเลยว่า คนการเมืองเสนอเเก้กติกาเเน่นอน เพราะผลที่ออกมามันบ่งชี้เเล้วว่าส่วนใหญ่เเล้วสังคมเเละคนการเมืองไม่เอาด้วย
การขึ้นรูปเกมใหม่ไว้รองรับเลือกตั้งครั้งใหม่? ที่มิรู้ว่าจะมายามใด เเต่การเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้านั้นน่าจะเหมาะสุดสำหรับเพื่อไทย...เพราะการเมืองไทยวันนี้นั้นคาดเดายากมากครั้งหนึ่ง เเม้เเต่รุ่นเก๋าการเมืองของเพื่อไทยยังหลบในที่ตั้งเพราะไม่รู้ว่าลมจะเเปรไปทางทิศใด?
เเต่ระดับปฏิบัติการนั้นมองเเล้วว่าไม่ว่าอย่างไรต้องเปลี่ยนรูปเเบบการทำงาน เพราะหากยังคงเพื่อไทยไว้เป็นเรือใหญ่ลำเดียว สมมุติว่ามีอะไรขึ้นมา เรืออาจล่มกลางทะเลลึก ดังนั้นเรือขนาดกลางเเละย่อมๆ ควรจะเป็นกองเสริมขนาบข้าง
โมเดล "ไทยรักษาชาติภาคสอง” จึงถูกนำมาถกเถียงเเละขึ้นรูปไว้คร่าวๆ เพื่อหาทางเลี่ยงความเสี่ยงจากกติกาวันนี้เเละวันหน้าที่มิอาจเดาได้ว่าจะเป็นเเบบใด
เพราะมองเเล้วการบอนไซเพื่อไทยมิให้โตนั้นน่าจะเป็นคำตอบที่คนย่าน OAI Tower รู้ดีเเก่ใจ
ย้อนไปเมื่อคราวเเยกไปตั้ง “ไทยรักษาชาติ” เพราะคำนวณเเล้วว่าหากคนเพื่อไทยยังเกาะกลุ่มเป็นพรรคอันดับหนึ่งที่มีส.ส.เกินสองร้อยชีวิตนั้น "ปาร์ตี้ลิสต์” เพื่อไทยจะไม่มีส.ส.ระบบนี้เเน่นอน ฉะนั้นยุทธศาสตร์เเตกเเบงก์พันเป็นเเบงก์ร้อยก็อุบัติ โดยมีเพื่อธรรรมกับไทยรักษาชาติ หรือจะผนวกประชาชาติกับเสรีรวมไทยไปด้วยก็ได้ว่า “พรรคเหล่านี้เป็นพรรคเครือข่ายของเพื่อไทย”
ขณะเดียวกันก็มีการเเตกเป็นเเบงก์ย่อยคือส่งคนเสื้อเเดงไปสังกัดพรรคเพื่อชาติเพื่อเเยกฐานการเมืองให้ชัดเเจ้งเเละลบความขัดเเย้งของคีย์เเมนในพรรคที่มองต่างมุมกันบนเกมการเมือง
โดยคราวนั้นมีการตั้งความหวังว่าไทยรักษาชาตินี้น่าจะได้ส.ส.ยี่สิบคนเป็นขั้นต่ำ เเละเครือข่ายควรจะมีส.ส.จำนวนหลักสิบ เเต่เมื่อทษช.เล่นเกมเสี่ยงเเละพลาดไป “อนาคตใหม่" ได้อานิสงส์นี้ไปส่วนหนึ่ง ส่วนเสรีรวมไทย ประชาชาติ เพื่อชาติ ก็ถือว่าสอบผ่านในระดับพอคาดหวัง เหลือเเต่เพื่อธรรมที่ไม่มีว่าที่ส.ส.เลยสักคนในการหย่อนบัตรคราวนี้ เพราะจู่ๆ คีย์เเมนเพื่อธรรมกลับไปย่านเพชรบุรีตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่
หวนมาพินิจข้อความข้างต้นว่า การเเตกเเบงก์พันเป็นเเบงก์ร้อย รวมทั้งเเบงก์ย่อย ภาคสองนั้นเพื่อไทยจะดำเนินในรูปเเบบใด?
เเน่นอนว่าเพื่อไทยจะยังเป็นเเบงก์พันอยู่ เเต่จำนวนคนคงจะลดขนาดลงไปบ้าง เพื่อเป็นพรรคเเกนหลักบนเวทีการเมือง
ส่วนเเบงก์ร้อย เเละเเบงก์ย่อยที่จะเเตกมาใหม่นั้น น่าจะกระทำในโมเดลไทยรักษาชาติ เเต่จะไม่เล่นเกมเสี่ยงเเบบเดิม
“เพื่อไทยยังอยู่เป็นพรรคหลัก เเต่จะมีพรรคขนาดกลางที่มีส.ส.ยี่สิบคนขึ้นไป หากมีหลายพรรคมันก็ง่ายในการจับมือ เเละไม่เป็นเป้าโดนโจมตี เเต่มันยากตรงที่ว่าจะส่งใครไปเป็นหัวหน้าพรรค เเละจะมีจุดขายอย่างไรกับสังคม เเต่ตอนนี้ยังพอมีเวลาให้วางเเผน ไม่เช่นนั้นมันเข้าเงื่อนตายการเมืองเเบบวันนี้” คนวงในเพื่อไทยอธิบาย
“ดูตัวอย่างบางพรรค เช่น ภูมิใจไทย ที่เเยกไปจากพลังประชาชน ช่วงเเรกก็ลำบากนิด เเต่เมื่อประคองตัวได้ก็อยู่ได้เเละมีเเรงต่อรองทางการเมือง หากจะเเยกย่อยพรรคก็ต้องวางเเนวทางเเบบนี้”
ฉะนั้นการเเตกเเบงก์ร้อยเเละเเบงก์ย่อยที่คนวงในเพื่อไทยกำลังหารือไว้ล่วงหน้าเพื่อรับมือเกมใหม่นั้น ต้องรอยลว่าจะมาในเเบบใดเเละตอบโจทย์หรือไม่....