เมื่อ"สมศักดิ์-สุริยะ" เป็นรมต."ตีนลอย"
คอลัมน์... รักแผ่นดิน โดย... ฅนไท ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
ไม่ใช่แค่ภาพ “หวานใส่กัน” ระหว่าง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กับ สมศักดิ์ เทพสุทิน และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่สร้างภาพโชว์สื่อว่า ยุติความขัดแย้ง หลังแย่งเก้าอี้พลังงาน ถึงขนาดสามมิตร ขุนพลพรรคในกลุ่มออกมาไล่ สนธิรัตน์ ออกจากเลขาธิการพรรค แต่แล้วถอยกันง่ายๆ ด้วยประกาศิตของ “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จนเกิดภาพ แทบจะจูบปากกัน หลังสนธิรัตน์ ข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาจากสหรัฐอเมริกา
แต่ที่น่าสนใจต่อจากนี้ คือ ข้อตกลงภายในของผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ในสถานการณ์รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ มีอยู่ประการหนึ่ง ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการแก้ปัญหา “การข่มขู่-ต่อรอง” ในเสียงโหวตในสภา ที่หมายถึงความมั่นคงของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นคือ ส.ส.บัญชีรายชื่อคนใดที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลจะต้อง “ลาออก” จากการเป็น ส.ส. เพื่อเลื่อนลำดับให้ ส.ส. ลำดับถัดไป คือ ตั้งแต่ลำดับที่ 20 เป็นต้นไป
ดังนั้น 5 ส.ส. บัญชีรายชื่อ ที่ถูกวางตัวให้เป็นรัฐมนตรี อันได้แก่ ณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 1 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 2 พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลฯ ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 3 สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 4 และ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 8 ต้องลาออกจากสถานะ ส.ส. และจะเลื่อนลำดับผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มาเป็น ส.ส.แทนได้แก่ พรชัย ตระกูลวรานนท์ ลำดับที่ 20 ยุทธนา โพธสุธน ลำดับที่ 21 ต่อศักดิ์ อัศวเหม ลำดับที่ 22 ชวน ชูจันทร์ ลำดับที่ 23 และภิรมย์ พลวิเศษ ลำดับที่ 24
โดยธรรมชาติและอำนาจการต่อรองทางการเมืองของ “สามมิตร” ที่เคยปั่นป่วนพรรคจะเบาลง เพราะหัวขบวนอย่าง “สมศักดิ์-สุริยะ” หมดสภาพความเป็น ส.ส. อำนาจการต่อรองที่สุ่มเสี่ยงของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จะดังแทน เพราะหากวันใดที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ปรับ ครม.และใน ครม.ใหม่ ไม่มีชื่อ “สมศักดิ์-สุริยะ” สถานะของทั้งสองหายไปจากคณะรัฐมนตรี และกลับไปเป็น ส.ส.ไม่ได้ ต้อง “ตีนลอย” อยู่ข้างสนาม จนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่
ในเมื่อหัวขบวน “ตีนลอย” มีหรือที่ “ซานตาคลอสสีเขียว” ที่เพิ่งกวาดต้อน ส.ส.เข้าคอก เพื่อสลายกลุ่มต่าง ๆ ในพรรคด้วยการ สนับสนุน “ปัจจัย” เป็นรายเดือน จะไม่รุกต่อ เพื่อสร้างความมั่นคงในเสียงพรรครัฐบาลที่อันตรายที่สุด