ใช้'AI'ช่วยตำรวจดูแลความปลอดภัยพื้นที่สาธารณะ
คอลัมน์... สายตรวจระวังภัย โดย... เจษฎา จันทรรักษ์
ปัจจุบันเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตตลอดจนธุรกิจการค้า และการขับเคลื่อนงานของทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว มีความแม่นยำ มีประสิทธิภาพสูงและทุ่นแรงทรัพยากรมนุษย์ ขณะเดียวกันงานของตำรวจก็พึ่งระบบเทคโนโลยีมากขึ้น ทั้งงานป้องการปราบปรามและสืบสวนสอบสวน
ด้วยเหตุนี้ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) โดย พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.ห้วยขวาง พร้อมด้วย น.ส.บราลี ชุติมา กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเตอร์สเต็ปส์ จำกัด ดร.พีรวัฒน์ สุรเศรษฐ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ กรุงเทพฯ (กต.ตร.กทม.) ภาคประชาชน จึงได้ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการ ทดลองติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) เพื่อการวิเคราะห์ตรวจตราความปลอดภัยและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณะ (Artificial Intelligent System for Surveillance and Criminal Analysis in Public Area) ถือเป็นการยกระดับความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พ.ต.อ.ภูริส อธิบายว่า ได้มีการทำงานร่วมกับบริษัทอินเตอร์สเต็ปส์ จำกัด มาแล้ว 4-5 เดือน โดยมอบหมายให้หน่วยงานป้องกันและปราบปรามของสน.ห้วยขวาง รับผิดชอบระบบดังกล่าวประสานงานกับวิทยุสื่อสารในการควบคุมพื้นที่ มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ตรวจจับอะไรได้ค่อนข้างมาก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นชั้นความลับ สามารถตรวจสอบข้อมูลภาพของผู้ต้องสงสัยได้ทันที โดยเฉพาะข้อมูลหมายจับ จึงต้องมีตำรวจที่มีความรู้คอยตรวจสอบ หลังจากที่ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีดังกล่าวถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมากในการเฝ้าระวังในพื้นที่ ซึ่งสถานทูตจีนให้ความสนใจพื้นที่รัชดาภิเษกเป็นอย่างมาก และในอนาคตมีความคิดจะทำเมืองให้กลายเป็นไซน่าทาวน์ 2 ด้วย เมื่ออยู่ในระบบคัดแยกหากเป็นฐานของมูลที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบก็จะทำให้ระบบมีเสถียรภาพ ช่วยคัดกรองกลุ่มเฝ้าระวังได้มากและรวดเร็ว รวมถึง สามารถนำมาใช้กับงานสืบสวนได้ด้วย เช่น บริเวณตลาดห้วยขวาง รอบสถานีตำรวจ จะมีการนำข้อมูลมาใช้ในการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในอนาคตอย่างแน่นอน
ขณะที่ น.ส.บราลี กล่าวว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการสอดส่องดูแลความปลอดภัยถือเป็นระบบพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนา Smart City เนื่องจากจะทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจในชีวิตและทรัพย์สินอันเป็นรากฐานที่สำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดีและยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ดำเนินธุรกิจกิจในพื้นที่นั้นๆ ในส่วนของระบบ AI ที่นำมาใช้ในโครงการนี้ มีการเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดในจุดที่มีความสุ่มเสี่ยงที่อาจมีเหตุร้าย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2 แสนตารางเมตร นอกจากฟังก์ชัน Facial Recognition หรือการวิเคราะห์เปรียบเทียบใบหน้ากับฐานข้อมูลหมายจับแล้ว ยังมีระบบวิเคราะห์ พฤติกรรม (behavior analysis) ที่สุ่มเสี่ยงจะเป็นการก่ออาชญากรรม เช่น การวิ่งราว การทะเลาะวิวาท เป็นต้น อีกทั้งยังมีระบบวิเคราะห์รูปพรรณสัณฐานซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาในการสืบหาเบาะแสของคนร้ายได้ ขณะเดียวกันระบบยังสามารถนำมาใช้เพื่อการช่วยสืบหาบุคคล เช่น เด็กหรือผู้สูงอายุที่หลงทางได้อีกด้วย
พล.ต.ต.เสนิต บอกว่า ยุคสมัยนี้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญยิ่งที่ต้องนำมาใช้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสัมฤทธิ์ผลได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ส่งผลให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชนและความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยจะนำร่องในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อโครงการนำร่องนี้สามารถดำเนินการได้ตรงวัตถุประสงค์ของทางราชการและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในภาพรวมก็จะนำเสนอถึงผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาขยายผลไปสู่สถานีตำรวจนครบาลอื่นต่อไป
เมื่อตำรวจปรับตัวให้ทันยุค นำเทคโนโลยีมาใช้ในภารกิจดูแลความปลอดภัย ประสิทธิภาพการทำงานก็จะถูกยกระดับ สร้างความเชื่อมั่น น่าเชื่อถือมากขึ้น..!!