บิ๊กบี้ ว่าที่ ผบ.ทบ.ลูกผสม วงเทวัญ-บูรพาพยัคฆ์
อาจยังไม่คุ้นหน้าคุ้นตากัน สำหรับคนถูกวางตัวเป็นผบ.ทบ.ต่อจาก"บิ๊กแดง"พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อย่าง"บิ๊กบี้"พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เส้นทางเติบโตเป็นอย่างไร
ทีมรายงานพิเศษ คมชัดลึกออนไลน์
อาจยังไม่คุ้นหน้าคุ้นตากันเท่าไหร่ สำหรับคนที่ถูกวางตัวให้เป็น ‘ผู้บัญชาการทหารบก’ (ผบ.ทบ.) ต่อจาก “บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เกษียณอายุราชการปี 2563 อย่าง “บิ๊กบี้” พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้
แม่ทัพภาค1ที่คาดการณ์ว่าจะขยับเข้ามาในไลน์ 5 เสือ ทบ.ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ.ในบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 2562
“พล.ท.ณรงค์พันธ์”เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 (ตท.22)ในสมัยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (รองผบ.ร.31 รอ.)จ.ลพบุรี เคยปฏิบัติภารกิจเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ที่ ธารโต-เบตง จ.ยะลา เมื่อปี 2547-2548 ในนามหน่วยเฉพาะกิจ14 ร่วมกับ “บิ๊กแดง”จนกลายเป็น ‘น้องรัก’
เส้นทางเติบโต “พล.ท.ณรงค์พันธ์”เป็นได้ทั้งทหารสาย‘วงศ์เทวัญ’และ ‘บูรพาพยัคฆ์’ เนื่องจากเข้ารับราชการในกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) จ.ปราจีณบุรี ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 พัน 2 รอ.)เช่นเดียวกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
จากนั้นไปศึกษาหลักสูตรชั้นนายพันที่ประเทศออสเตรเลีย กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในกรมยุทธศึกษาทหารบก ศึกษาต่อในหลักสูตรเสนาธิการ รร.เสนาธิการทหารบก ก่อนจะไปเป็นฝ่ายเสนาธิการประจำกองพล ที่ 1 รักษาพระองค์ ( พล.1 รอ.) ของ พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ตท.รุ่น 8 น้องรัก ของ "บิ๊กป้อม" สมัยที่ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.พล. 1 รอ.
และ “พล.ท.ณรงค์พันธ์”ถูกโยกไปอยู่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (รร.จปร. )และไปลงตำแหน่ง ผบ.ร.31 พัน.3 รอ. ,รอง ผบ.ร.31 รอ. ก่อนขึ้นเป็น ผบ.ร.31 รอ. ปฎิบัติงานรักษาสันติภาพในติมอร์ตะวันออก
แต่เริ่มเข้าสู่เส้นทางทหารสาย “วงศ์เทวัญ”เต็มตัว เมื่อมาดำรงตำแหน่ง รอง.ผบ.พล.1 ,รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 และกลับมาเป็น ผบ.พล.1 รอ. ก่อนเข้ามาเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 และขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1
นอกจากนี้ “พล.ท.ณรงค์พันธ์” ยังเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ในฐานะเป็น"รองผบ.ฉก.ทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์ 904" (รองฉก.ทม.รอ.904)ขณะที่ “บิ๊กแดง”เป็น ผู้บังคับหน่วย ฉก.ทม.รอ.904
การเข้ามาจ่อคิว ผบ.ทบ.ของ“พล.ท.ณรงค์พันธ์”ครั้งนี้ ได้รับการกรุยทางจาก“บิ๊กแดง”ที่ได้เข้าไปพูดคุยกับ‘เพื่อนร่วมรุ่น’ที่มีดีกรีประธานเตรียมทหารรุ่น 20 (ตท.20)อย่าง “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ.น้องรัก “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เนื่องจากมีอายุราชการถึงปี 2564
เนื่องจาก “พล.อ.ณัฐพล”มีความอาวุโสกว่าและที่ผ่านมาช่วยแบ่งเบางานในกองทัพบกให้ “บิ๊กแดง”แบบไร้ที่ติ เพราะเป็นนายทหารเติบโตสายงานกองทัพบกมากว่า 10 ปี ตั้งแต่ ผู้อำนวยการกอง กรมยุทธการทหารบก ,เจ้ากรมยุทธการทหารบก,รองเสธนาธิการทหารกองทัพบก ทุกซอกทุกหลืบ ของกองทัพบก ไม่รอดหูรอดตา
“บิ๊กแดง”ค่อนข้างจะเกรงใจและให้เกียรติ “เพื่อนร่วมรุ่น”คนนี้ เพราะหาก“พล.ท.ณรงค์พันธ์” ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในปี 2563 เท่ากับว่า รุ่นพี่อย่าง“พล.อ.ณัฐพล” ต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ ‘รุ่นน้อง’ ซึ่งตามธรรมเนียมทหารจะไม่ปฏิบัติกัน
ครั้นจะโยก“พล.อ.ณัฐพล”ออกนอกกองทัพบก ก็ไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสมรองรับและที่สำคัญไม่เพียงแต่ “บิ๊กแดง”เท่านั้นที่จะขาด‘มือดี’คอยช่วยงานในห้วงที่เหลือเวลาราชการอีก 1 ปี
"พล.ท.ณรงค์พันธ์"เองก็อาจจะลำบากเมื่อต้องเข้ามาเชื่อมต่องาน จึงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า "จะรับได้ไหม หาก พล.ท.ณรงค์พันธ์ จะมาเป็น ผบ.ทบ."
และดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นใจให้ “พล.ท.ณรงค์พันธ์” เพราะ “พล.อ.ณัฐพล”เองก็อยากสานต่องานภายในกองทัพบกที่อยู่ในความรับผิดชอบให้เป็นปึกแผ่นจึงขออยู่ในตำแหน่งเดิมไปจนเกษียณพร้อมกับคำพูดที่ว่า “ไม่ว่าจะเป็นพี่หรือน้องมาเป็น ผบ.ทบ.ก็พร้อมที่จะให้คำแนะนำและช่วยเหลืองานอย่างเต็มที่”
เส้นทางก้าวสู่ ผบ.ทบ.ของ “พล.ท.ณรงค์พันธ์”จึงสดใส แม้จะไม่หวือหวา เหมือนแคนติเดต ผบ.ทบ.ที่ผ่านมา แต่เป็นที่รักและลูกน้อง ให้ความเคารพ โดยเฉพาะ ร.31 รอ.และกองทัพภาคที่1 เพราะเป็นทหารติดดิน บุคลิกนิ่ง สุขุม และมีคติพจน์ประจำใจในการทำงาน “เป็นทหาร ต้องอดทน”
ที่ผ่านมา “พล.ท.ณรงค์พันธ์” ขึ้นชื่อว่า เป็นทหารอาชีพ และวางตัวเป็นกลางทางการเมืองตลอด แต่การขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ต่อ จาก “บิ๊กแดง” ซึ่งต้องเข้ามาดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ในยุคที่กองทัพและสถาบันหลัก กำลังเผชิญปัญหาสงคราม“ไฮบริด”จากฝ่ายตรงข้าม ที่ใช้ “ข่าวปลอม” หลอกล่อให้คนรุ่นใหม่หันหลังให้ทหารและสถาบันหลัก ต้องจับตาจุดยืน“ว่าที่ ผบ.ทบ.”จะเป็นอย่างไร