คนรุ่นใหม่ระดม ไอเดียสุดล้ำ ลดโลกร้อน
คนรุ่นใหม่ระดม ไอเดียสุดล้ำ ลดโลกร้อน โดย... ทีมข่าวรายงานพิเศษ
"พวกคุณกล้าดีอย่างไร มาขโมยความฝันและวัยเด็กของฉันด้วยคำพูดเลื่อนลอย...ผู้คนล้มตายและระบบนิเวศกำลังล่มสลาย คนรุ่นใหม่จับตามองพวกคุณ และพวกเราจะไม่ยอมให้อภัย ถ้าพวกคุณล้มเหลวในการแก้ปัญหาโลกร้อน”
อ่านข่าว... ดึงคนรุ่นใหม่ร่วม ลดโลกร้อน คิกออฟงดแจกถุงพลาสติก
เกรตา ทุนเบิร์ก เด็กสาวสวีเดนวัย 16 ปี กล่าวประโยคเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในเวทีลดโลกร้อนที่ “ยูเอ็น” หรือองค์การสหประชาชาติ จัดขึ้น ณ นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 โดยมีผู้นำจาก 66 ประเทศเข้าร่วม สื่อมวลชนทั่วโลกนำประโยคเด็ดของ “เกรตา” ไปเผยแพร่จนกลายเป็นกระแสฮิตแชร์กันสนั่นโลกออนไลน์...
เพราะสะใจที่มีเด็กน้อยกล้า “พูดตอกหน้า” กลุ่มผู้นำโลกที่มีแต่คำสัญญาปากเปล่าเรื่องลดโลกร้อน แต่สุดท้ายไม่ทำอะไรเป็นรูปธรรมชัดเจน...
วินาทีนี้คนรุ่นใหม่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับการมีส่วนร่วมแก้ไข “ภาวะโลกร้อน” หรือปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ที่เริ่มแปรปรวนรุนแรงมากขึ้นทุกปี จนส่งผลกระทบไปทุกพื้นที่
พวกเขารู้สึกว่า...ผู้นำประเทศส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจอยากแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง มีแต่พล่ามนโยบายโกหกหาคะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่เวลาปฏิบัติจริงกลับคำนึงถึงผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและการลงทุนมากกว่าสิ่งแวดล้อมในอนาคต
โดยเฉพาะหลังจากเดือนกันยายนที่ผ่านมา องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization : WMO) เปิดเผยรายงานล่าสุดเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการปล่อยแก๊สเรือนกระจก ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูล 5 ปีย้อนหลัง 2557-2562 ปรากฏว่า ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิของโลกเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.04 องศาเซลเซียส
การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ “1 องศา” หมายถึงน้ำแข็งจากมหาสมุทรอาร์กติกจะละลายเร็วขึ้น ส่งผลให้กระแสน้ำเพิ่มสูง หมู่บ้านใกล้ทะเลอาจจมหายไปได้ นอกจากนี้พายุเฮอริเคนจะรุนแรงมากขึ้นแถวมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ ขณะที่ฝั่งตะวันออกของอเมริกาจะเกิดภาวะแห้งแล้งรุนแรง และในอนาคตอาจกลายเป็นทะเลทรายหรือแม้แต่พื้นที่การเกษตรทั่วยุโรปอาจไม่ได้ผลผลิตเหมือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะไร่องุ่นในฝรั่งเศสที่ผลิต “ไวน์” ส่งขายทั่วโลก
มีการประเมินว่า หากมนุษย์ยังหยุดโลกร้อนที่ 1 องศาไม่ได้ ปล่อยให้เพิ่มเป็น 2 องศา จะส่งผลให้หมีขั้วโลกไม่มีที่อยู่อาศัยต้องเสี่ยงสูญพันธุ์ไปด้วย โดยเฉพาะหมีที่อาศัยอยู่ในธารน้ำแข็งแถวกรีนแลนด์หรือแม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ อย่างแมลงที่ทำประโยชน์ในการผสมพันธุ์พืชหรือดอกไม้ต่างๆ ก็เสี่ยงสูญพันธุ์ไปด้วย เพราะต้นไม้ใหญ่ในป่าจะเผชิญอากาศแห้งแล้งจนใบไม้และลำต้น “อบกรอบ” กลายเป็นชนวนให้เกิดไฟป่าเผาไหม้มโหฬาร ส่งผลให้มนุษย์ขาดแคลนน้ำและอาหาร
หากปล่อยให้อุณหภูมิสูงขึ้น 3–4 องศา จะทำให้อากาศแปรปรวนรุนแรง หลายพื้นที่จะร้อนแห้งแล้งขาดแคลนน้ำ แต่บางพื้นที่กลับมีพายุลูกใหญ่พัดกระหน่ำจนน้ำท่วมลุกลามไปในพื้นที่ซึ่งไม่เคยมีน้ำท่วมมาก่อน หรือกลายเป็นเมืองบาดาลในพริบตา โดยเฉพาะพื้นที่ทวีปเอเชียต้องเฝ้าระวังพิเศษ เช่น จีน อินเดีย เนื่องจากอยู่ใกล้ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่หลายแห่ง ฯลฯ
แน่นอนว่า คนรุ่นเก่า หรือผู้ใหญ่ในวันนี้ ที่เป็น “ผู้นำรัฐบาล” หรือ “นักการเมือง” อาจไม่ได้อยู่จนถึงวันที่โลกวิกฤติ แต่ กลุ่มที่จะโดนผลกระทบมากสุดคือ คนรุ่นลูก คนรุ่นหลาน...
ช่วงวันที่ 17-19 ตุลาคม 2562 ผู้นำรุ่นใหม่ในเอเชียร่วมมือกันจัดเวที Next Leader Asia Summit 2019 ที่สิงคโปร์ โดยมีองค์กรเอ็นจีโอ NELIS Global เป็นตัวกลางเชื้อเชิญ “ผู้นำคนรุ่นใหม่” ที่ประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรมหรือโครงการลดโลกร้อนตั้งแต่ยังเป็นเด็กหรือเป็นเยาวชน มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมคิดไอเดียใหม่ๆ รวมถึงการจุดประกายความคิดให้เด็กรุ่นใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้นำกิจกรรมลดโลกร้อน โดยไม่ต้องหวังพึ่งพาเพียงแค่ผู้นำประเทศเท่านั้น
Lekha Patmanathan สาวสิงค์โปร์เชื้อสายอินเดีย ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรด้านพลังงานสะอาด Nexergy เล่าถึงชีวิตในวัยเด็กที่พลิกผันให้มาสนใจเรื่องโลกร้อนว่า เนื่องจากวันหนึ่งคุณแม่พาไปซื้อไก่จากเล้าเพื่อเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยง แล้วเจ้าของเชือดคอไก่ต่อหน้าต่อตาของเธอ ภาพเลือดพุ่งออกมาแล้วไก่ค่อยๆ ทรมานจนตายนั้น กลายเป็นภาพสะเทือนใจทำให้เธอตัดสินใจเลิกกินเนื้อสัตว์อย่างเด็ดขาด เปลี่ยนมาใช้วิถีมังสวิรัติตั้งแต่เด็กและเริ่มสนใจว่าสวนผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์แถวบ้านหายไปไหน ทำไมกลายเป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์หรือทำเกษตรกรรมอย่างอื่น ซึ่งล้วนแต่สิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติแบบดั้งเดิม
หลังจากตัดสินใจไปเรียนปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์ที่แคนาดา และเรียนต่อปริญญาโทเกี่ยวกับภูมิทัศน์พลังงานทดแทนในท้องถิ่น “Lekha” ได้ทุ่มเททดลองพัฒนาวิธีติดตั้ง “โซลาร์พีวี” หรือพลังงานสะอาดแทนการใช้เชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก และเน้นการผลิตนวัตกรรมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน พร้อมกับเผยแพร่สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ออกไปโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้มนุษย์โลกมีโอกาสใช้พลังงานสะอาดร่วมกัน
เช่นเดียวกับ โอลิเวียร์ บอส หนุ่มน้อยนักคอมพิวเตอร์จากอัมสเตอร์ดัม ที่ก่อตั้ง มูลนิธิ Meshminds เพื่อทำสตูดิโอเทคโนโลยีอิมเมอร์ซีฟ (Immersive Technology) จำลองสภาพแวดล้อมให้เสมือนจริง เพราะเขาอยากให้มนุษย์มีจินตนาการในการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมแบบ “ความจริงเสมือน” เช่น ทำรูปโปรไฟร์ตัวเองเสมือนยืนอยู่ใต้มหาสมุทร มีปลาและสัตว์น้ำน่ารักว่ายไปมาข้างๆ
“พวกเราเริ่มจากการใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์ความคิด ทำให้คนดื่มด่ำกับความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ตอนนี้กำลังร่วมมือกับองค์กรสหประชาชาติ (UN Environment) ช่วยกันระดมเทคโนโลยีที่ผสมผสานศิลปะเข้ากับความเป็นจริง ทำเป็น 3 มิติหรือใช้หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ และมีกองทุนช่วยเหลือศิลปินด้วย เช่น สร้างแมวอวกาศ (AstroCat) ที่มาจากอนาคตเพื่อเตือนมนุษย์โลกให้สนใจดูแลสิ่งแวดล้อม
ในอนาคตหนุ่มน้อยโอลิเวียร์ มีโครงการจะทำในเซี่ยงไฮ้และเมืองไทยด้วย ชื่อ โครงการ “Please insert Human" ซึ่งมีความหมายประมาณว่า โปรดกรุณาแทรกมนุษย์เข้าไปด้วย โดยการเชิญชวนศิลปินโปรแกรมเมอร์ สร้างผลงานเรื่องสั้นบนโลกเสมือนจริงคอมพิวเตอร์ด้วยเทคโนโลยี 3D และ VR หรือแบบ 3 มิติกับวิดีโอ 360 องศา เพื่อแบ่งปันเรื่องราวในวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แตกต่างกัน
ล่าสุดทีมอาสาสมัครจาก “ชมรมเครือข่ายนักสื่อสารข้อมูลเชิงลึกแห่งประเทศไทย” หรือ “ทีดีเจ” ได้สืบค้นหาฐานข้อมูลเชิงลึกอุณหภูมิเฉลี่ยประเทศไทยย้อนหลัง 30 ปี จนพบว่าปัจจุบันอากาศประเทศไทยมีแนวโน้ม “ร้อนมากขึ้น” อย่างต่อเนื่องประมาณ 3–4 องศา
เมื่อประเทศไทยร้อนมากขึ้น “เยาวชนคนไทย” ซึ่งมีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่นนั้น ก็ควรเข้ามาร่วมกันแชร์ไอเดียใหม่ๆ ช่วยกันลดโลกร้อนด้วยเช่นกัน หน่วยงานเอกชนหรือองค์กรภาคประชาชนที่สนใจ ควรรีบเข้าไปสนับสนุนพวกเขาอย่างจริงจัง
เมื่อนักการเมืองไม่สนใจ รัฐบาลดีแต่พูด นักธุรกิจเห็นแก่เม็ดเงิน
คงต้องฝากความหวังไว้ที่คนรุ่นใหม่เหล่านี้ เพราะพวกเขาคือผู้ที่จะอาศัยอยู่บนโลกนี้ต่อไปในอนาคต !