ใช้ชีวิตอย่างไร ก่อนเข้าสู่ เฟส 3 'โควิด-19'
หลายคนกังวลกับสถานการณ์ระบาด โควิด-19 .. ลองอ่านรายงานชิ้นนี้ 'ใช้ชีวิตอย่างไร ก่อนเข้าสู่ เฟส 3 'โควิด-19' อาจทำให้ท่านปลอดภัย จากโรคมหันตภัย นี้
แม้จะยืนยันว่า ขณะนี้การระบาดของโรคโควิด-19 ในไทยยังอยู่ในระยะ 2 แต่จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้กับประชาชน ก่อนที่โรคจะขยับเข้าสู่ระยะ 3
“เราต้องทำตัวกันอย่างไร” นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย ซักซ้อมถึง “ข้อปฏิบัติตนของประชาชน ในการใช้ชีวิตประจำวัน ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 จะขยับเข้าสู่ระยะ 3”
เริ่มจาก...
ถ้าต้องออกจากบ้าน ขอให้ทบทวนความจำเป็นก่อนทุกครั้ง ไม่จำเป็นไม่ควรออกไป เพื่อให้ตัวเราไม่เป็นผู้กระจายเชื้อและแพร่เชื้อ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครรับเชื้อไปแล้วบ้าง หรือใครบ้างที่เป็นผู้แพร่กระจายเชื้อ จากการติดตามสถานการณ์ไข้หวัดทั่วไป หลังการรณรงค์ให้คนไทยสวมหน้ากากผ้า จนในบ้านเมืองของเรา มีหน้ากากผ้าเพียงพอแล้ว
"ใครที่สวมหน้ากากผ้า" ถือเป็นนักบุญ สงวนหน้ากากอนามัยไว้ให้หมอและบุคลากรทางการแพทย์ จากการตื่นตัวสวมหน้ากากผ้า กรมอนามัยพบว่า การเจ็บป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดามีแนวโน้มทรงตัว ไม่เพิ่มขึ้น สะท้อนว่า คนไทยมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น แม้แต่โรคปอดบวมหรือโรคนิวมอเนีย ที่เคยกังวลกันเนื่องจากในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของแต่ละปี จะมีผู้ป่วยเป็นไข้ปวดบวม 20,000 ราย แต่ปีนี้จนถึงเดือนมีนาคม มีผู้ป่วยไม่ถึง 20,000 ราย ส่วนโรคโควิด-19 แตกต่างออกไปเพราะเป็นไวรัสตัวใหม่ คนไม่มีภูมิต้านทานจึงติดง่าย
“เมื่อจำเป็นต้องออกนอกบ้าน” สิ่งที่ต้องเตรียม คือ หน้ากาก 2 ชิ้น สวมออกจากบ้าน 1 ชิ้น และสำรองไว้เปลี่ยน 1 ชิ้น พกแอลกอฮอล์เจล ล้างมือบ่อยๆ เมื่อต้องแตะในวัตถุสิ่งของที่เป็นจุดสัมผัสร่วม ยืนยันว่า หน้ากากผ้าเพียงพอต่อการสวมใส่เข้าชุมชน ทั้งผ้าฝ้าย ผ้าสาลู และผ้ามัสลิน มีคุณสมบัติป้องกันละอองฝอยของไวรัสได้
“กรณียืนให้นักข่าวสัมภาษณ์ห้ามดึงหน้ากากลง เพราะไมโครโฟนมีเชื้อโรค ต้องสวมหน้ากากให้กระชับ แนบใบหน้ามากที่สุด”
เมื่อจำเป็นต้องขึ้นยานพาหนะ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ใช้มือจับ แต่ให้ตะหนักอยู่ตลอดว่า “ต้องไม่นำมือมาจับสัมผัสใบหน้าตัวเอง” โดยข้อมูลจากการศึกษาพบว่า ทุกๆ 15 วินาที คนจะใช้มือจับใบหน้า 1 ครั้ง บางคนใช้วิธีสวมถุงมือ ให้เป็นสัญญลักษณ์จะได้ไม่เผลอจับใบหน้า ทุกครั้งที่ลงจากยานพาหนะ เข้าไปยังสถานที่ต้องล้างมือ
การเว้นระยะห่าง ไม่ใช่แค่ 2 เมตรเฉพาะในที่ทำงานหรือนอกบ้าน แม้กระทั่งการใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน ก็ไม่ควรกอดคนในครอบครัว คิดถึงญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ต่างจังหวัด ให้วิดีโอคอลไปหา
“การใช้ชีวิตในที่ทำงาน” ขณะนี้หลายหน่วยงาน เริ่มสลับกันเข้างาน บางลักษณะงานที่สามารถทำออนไลน์ได้ก็ควรทำงานจากในบ้าน ส่วนงานบริการประชาชน ก็ต้องหมุนเวียนให้สลับกันมาทำงาน พยายามขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หากจำเป็นต้องใช้ลิฟต์ ให้สวมหน้ากาก เลี่ยงสัมผัส โดยให้หันหน้าเข้าหาฝาผนัง
หลีกเลี่ยงการรวมตัวในห้องอาหาร จัดที่นั่งกินข้าวให้ห่างกัน 1 เมตร ล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว ดีที่สุดคือแยกเป็นอาหารจานเดี่ยว พยายามดูร้านอาหารคุณภาพ คลีนฟู้ด พบเห็นคนครัวปรุงอาหารมีอาการไอต้องเลี่ยง
สถานที่ทำงาน ต้องคัดกรองตั้งแต่ทางเข้า วัดไข้-ล้างมือ คนป่วยไม่ต้องมาทำงาน แม้แต่ในห้องทำงานส่วนตัว โต๊ะทำงานส่วนตัว ก็ต้องเช็ดทำความสะอาดทั้งก่อนและหลัง เพราะมือของเราอาจไปสัมผัสในจุดสัมผัสร่วมกับคนอื่น การนั่งในห้องทำงานต้องมีระยะห่าง 1-2 เมตร การประชุมต้องไม่เกิน 50 คน คักกรองซ้ำที่หน้าห้องประชุม นั่งประชุมให้ห่างกัน และสวมหน้ากากตลอดการประชุม
ห้องสุขา อุจาระปนเปื้อนเชื้อโรค ต้องล้างมือก่อนและหลังใช้ห้องสุขา ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำ หลังเลิกงาน หากจำเป็นต้องไปซื้อสินค้าเครื่องใช้ห้างสรรพสินค้า ขอให้ไปซื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ไม่ต้องตุนเป็นเดือนเพราะผู้ประกอบการยืนยันแล้วว่า สินค้าไม่ขาดตลาดแน่นอน และควรเลือกเวลา-เลือกห้างสรรพสินค้าที่คนไม่เยอะ สวมหน้ากากตลอดเวลา
กลับถึงบ้านต้องล้างมือ เสื้อผ้าที่สวมใส่มาทั้งวันอาจติดเชื้อ ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน ทำความสะอาดเสื้อผ้า ด้วยการซัก ตากแดดจัดๆ เชื้อโรคตายแน่นอน
นอกจากนี้ กรมอนามัย ยังแนะนำให้ดูแลสมาชิกในครัวเรือน ใช้มาตรการกักตัวในบ้าน แม้ไม่มีประวัติสัมผัสคนต่างชาติ แต่ไม่แน่ เพราะเชื้ออาจมาทางใดทางหนึ่ง งดการกอดจูบลูก ขอให้บอกรักออนไลน์
แม้แต่"สัตว์เลี้ยง"ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรสัมผัส กอดจูบ เช่นกัน
สำหรับการทำความสะอาดหน้ากากผ้า หลังการใช้งานต้องถอดเก็บให้ดี นำมาซักตากแดด ใช้ผงซักฟอกธรรมดา หลายคนกังวลว่าต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแพงๆ หรือพ่นแอลกอฮอล์ ยืนยันว่าไม่จำเป็น เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ใยผ้าเสื่อมคุณสมบัติ ควรซักธรรมดา ซึ่งการซักบ่อยๆ จะทำให้ใยผ้ากระจายตัว กรองเชื้อโรคได้ดี ซักตากแดด ถ้าไม่มีแดดให้ต้ม ที่สำคัญไม่ควรหยิบจับด้านนอกของหน้ากากผ้า
ย้ำๆ ว่า" โรคโควิด-19 ในไทย ยังไม่เข้าสู่ระยะ 3 แต่จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเต็มสมรรถนะ ในการเข้าสู่ระยะ 3 ได้อย่างมั่นใจ "