"หมอมนูญ" ตะลึงหลักฐาน "โควิด-19" เริ่มแพร่ผ่านอากาศแล้วในอเมริกา
โดย...ทีมรายงานพิเศษหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
จากกรณีสื่ออเมริกาลงข่าว “คณะนักร้องประสานเสียง Skagit Valley Chorale” ที่ รัฐวอชิงตัน กลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่แพร่เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 อย่างไม่คาดฝัน หลังจากการซ้อมร้องเพลงเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ทำให้สมาชิกในวง 45 คน จากทั้งหมด 60 คน ที่ไปร่วมติดเชื้อในเวลาต่อมา และเสียชีวิตถึง 2 คน
อ่านข่าว - นักร้องประสานเสียง 45 คนจาก 60 ติดเชื้อทั้งที่รักษาระยะห่าง
ประเด็นสำคัญก็คือ พวกเขายืนยันว่าในการซ้อมร้องเพลงวันนั้น ใช้มาตรการรักษาระยะห่าง หรือ Social distancing ด้วยทราบดีว่าช่วงนั้นไวรัสระบาดแล้วในวอชิงตัน อีกทั้งไม่พบว่าใครมีอาการของโรค เช่น ไข้ ไอ หรือจาม
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ ผู้ได้รางวัลแพทย์ดีเด่นจากแพทย์สภา ประจำปี 2561 เปิดเผยกับ คมชัดลึก ว่า รู้สึกตกใจมากกับข้อมูลที่สื่อมวลชนของอเมริกาเปิดเผยออกมาข้างต้น เพราะนี่คือหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 สามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนผ่านทางอากาศ หรือ แอร์บอร์น (airborne transmission) ไม่ต่างจาก เชื้อวัณโรค เพราะฉะนั้นจากนี้ไปการป้องกันต้องทำรัดกุม รักษาระยะห่างเข้มข้นมากว่าเดิม
อ่านข่าว - ฟังชัดๆ โต้ข้อมูล โควิด-19 ไม่แพร่เชื้อทางอากาศ
ภาพ : หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC
“ตอนแรกผมก็มั่นใจว่าเชื้อตัวนี้น่าจะระบาดแบบแอร์บอร์น คนป่วยสามารถแพร่เชื้อเป็นละอองฝอยเล็กๆ ไปทางอากาศได้ เพราะดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอิตาลีและอเมริกา แต่ยังไม่มีข้อมูลอะไรไปพิสูจน์ได้ พอเห็นกรณีที่เกิดขึ้นกับนักร้องกลุ่มนี้ ทำให้ผมตะลึงเลยนะ เพราะนี่คือหลักฐานสำคัญมากๆ เลย เป็นการยืนยัน ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะพวกเขามีการป้องกันด้วยขั้นตอนที่ถูกต้องหมด เช่น วัดไข้ก่อนแล้ว ล้างมือ ยืนรักษาระยะห่าง 1 - 2 เมตร ไม่แตะตัวหรือแตะต้องสิ่งของอะไร แต่ปรากฏว่ายังติดเชื้อได้
แสดงว่าขณะที่เปล่งเสียงร้องเพลงออกมามีละอองฝอย (droplet nuclei) ฟุ้งกระจายออกมาด้วย และเป็นละอองฝอยขนาดเล็ก ไม่ใช่น้ำลายหรือเสมหะ ละอองเล็กขนาด 5 ไมโครเมตร ล่องลอยไปในอากาศ ทำให้คนที่อยู่ห่างออกไปก็ติดเชื้อได้ ไม่ใช่จากแค่การสัมผัสเนื้อตัวหรือสิ่งของร่วมกันแบบที่หมอหลายคนเชื่อ จำกรณีของป้าเกาหลีที่ไปร้องเพลงในโบสถ์ได้ไหม รายนั้นก็เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ แพร่เชื้อให้คนเยอะแยะผ่านการเปล่งเสียงร้องเพลง หรือกรณีสนามมวยลุมพินีของไทย ที่คนตะโกนเชียร์แล้วมีละอองฝอยออกมาล่องลอยไปติดคนอื่นเยอะแยะ”
“หมอมนูญ” กล่าววิเคราะห์ต่อว่า เมื่อสมาชิกนักร้องกลุ่มนี้แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ก็เริ่มไม่สบายจนตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ถึง 45 คน และป่วยเสียชีวิตไป 2 คนนั้น แสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของเชื้อไวรัสตัวนี้ได้อย่างดี
“เพราะฉะนั้น จากนี้ไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกลุ่มแพทย์ พยาบาล ต้องป้องกันตัวเองไม่ต่างจากดูแลผู้ป่วยวัณโรค หรือโรคที่ติดต่อทางอากาศ แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ทราบกันดีอยู่แล้ว เพราะต้องใกล้ชิดกับคนป่วยจะมีความเสี่ยงที่ติดเชื้อจากละอองที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศอยู่แล้วแบบ แอโรซอล (Aerosol) แต่หลักฐานอันนี้ คือ บอกว่าเป็น แอร์บอร์น (airborne transmission) ด้วย หมายความว่าหน้ากากอนามัยสีฟ้า คงไม่สามารถป้องกันได้มากนัก ต้องเป็นระดับหน้ากากเอ็น 95 เท่านั้น ส่วนคนธรรมดาต้องดูแลป้องกันตัวเองมากกว่าเดิมด้วย คนป่วยหรือคนที่สงสัยว่าป่วย ต้องใส่หน้ากากอนามัยสีฟ้าตลอดเวลา เพราะจะให้ใส่หน้ากากเอ็น 95 ผู้ป่วยคงหายใจไม่ออก ส่วนคนที่ยังไม่ติดเชื้อหากต้องไปอยู่ใกล้ชิดคนอื่น ต้องใส่หน้ากากระดับเอ็น 95 ถ้าไม่มี เพราะคงหาซื้อยาก ให้ใช้หน้ากากอนามัยสีฟ้าและหน้ากากผ้าหลายชั้นหน่อย ระวังไม่ให้เชื้อที่ล่องลอยในอากาศเข้ามาด้านข้างหรือตามช่องโหว่ของหน้ากาก เพราะถ้ามีเชื้อลอยอยู่ในอากาศก็จะสูดหายใจเข้าไปได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าต้องร้องเพลง ตะโกนเชียร์กีฬา มีคนอยู่ด้วยกันหลายคน ต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกคน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศ” หมอมนูญ กล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง