ม็อบไร้แกนนำ โคลนนิ่งฮ่องกง
จริงหรือไม่? ม็อบราษฎร โคลนนิ่งม็อบฮ่องกง ภาวะไร้แกนนำ สุ่มเสี่ยงเลี่ยงอนาธิปไตยยาก
การชุมนุมทางการเมืองแบบดาวกระจาย ไร้แกนนำ ในใจกลางเมืองหลวง และปริมณฑล ส่งผลสะเทือนไม่ธรรมดา เพราะแต่ละจุดมีคนเข้าร่วมจำนวนมาก
“ม็อบราษฎร” กำลังเล่นเกมเอาล่อเอาเถิดกับตำรวจ ด้วยการประกาศนัดหมายกระชั้นชิด ชุมนุมระยะเวลาสั้น หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
อ่านข่าว:
: เปิด171รายชื่อคนไทย เสนอรัฐบาลรับฟังเสียงปชช.-ใช้สภาหาทางออกให้สังคมโดยด่วน
: เปิดหน้าชน 'ทอน' สอนม็อบ พลิกฟ้าคว่ำดิน
หลายคนนึกถึง “ม็อบฮ่องกง” ในช่วงหลังๆ ที่มีการชุมนุมแบบไร้แกนนำ การสลายตัวแล้วรวมใหม่อย่างรวดเร็ว การรวมตัวกันเป็นก้อนเพื่อความปลอดภัย คอยระวังการใช้บริการต่าง ๆ โดยไม่ให้ถูกติดตามโดยรัฐได้ ใช้อุปกรณ์ในการป้องกันสารเคมี ใช้แอปพลิเคชั่นสื่อสารแบบเครือข่าย
ม็อบราษฎร กำลังโคลนนิ่งม็อบฮ่องกง แต่เป็นฮ่องกง ยุคที่แกนนำตัวเบิ้มๆ ถูกจับ และหลายคนต้องไปลี้ภัยในต่างแดน
ฝ่ายกองเชียร์ม็อบราษฎร พยายามพูดถึงคนรุ่นใหม่ที่มีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง และเป็นเจนเนอเรชั่นที่คุ้นชินกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงเหมาะแก่การทำม็อบไร้แกนนำได้
++
บทเรียนฮ่องกง
++
ถ้ายังจำกันได้ ปลายปี 2562 ม็อบฮ่องกงทวีความรุนแรง ผู้ประท้วงใช้แผนดาวกระจาย จัดกำลังเป็นกลุ่มย่อยๆ ในหลายพื้นที่ เพื่อที่จะให้ตำรวจกระจายกำลังปราบ
ลักษณะการเคลื่อนไหวแนวสุดโต่ง ได้นำมาซึ่งการจลาจล ได้เปิดทางให้รัฐบาลจีน นำเอาบทบัญญัติด้านความมั่นคงมาใช้กับฮ่องกง ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนเหมือนมีสิทธิสภาพเหนืออาณาเขตกับฮ่องกงได้เต็มที่
เมื่อเร็วๆนี้ จิมมี ไล เจ้าพ่อสื่อฮ่องกง ที่ให้การสนับสนุนม็อบฮ่องกง ซึ่งถูกจับกุมในคดีความมั่นคง เขาได้ออกมาส่งสัญญาณถึงเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และผู้รักประชาธิปไตยในฮ่องกง ว่าควรจะยุติการเคลื่อนไหวแบบสุดโต่ง
ขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยภายในฮ่องกง ควรจะเปลี่ยนแนวทาง และรูปแบบการประท้วงต่อต้านของตนเองใหม่ อย่าให้ซ้ำรอยเดิม อย่าให้มีความรุนแรงสุดโต่งแบบเดิมอีก เพราะยิ่งต่อสู้ด้วยความรุนแรง สุดโต่งมากเท่าใด ก็จะยิ่งทำให้ขบวนการมีอายุที่สั้นลงมากเท่านั้น
++
ระวังจลาจล
++
ขณะที่หลายคนกำลังตื่นเต้นกับม็อบไร้แกนนำ แต่นักกิจกรรมที่เข้าใจสถานการณ์ กลับมีความเห็นว่า โอกาสเกิด “จลาจล” มีความเป็นไปได้สูง
1.ความแค้นฝังใจจากที่โดนสลายเมื่อวันที่ 1ุ6 ต.ค.2563 อาจทำให้ผู้ชุมนุมบางกลุ่ม พร้อมปะทะเจ้าหน้าที่ตำรวจ
2.การแถลงยั่วยุ และให้เกิดความเครียดแค้นโดยคนของรัฐบาล
3.ม็อบธรรมชาติที่มาด้วยสภาวะกดดัน และเครียดแค้น มันก็จะมีความหลากหลายของฝูงชน เป็นเรื่องยากที่จะ ควบคุมให้เป็นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้
การโคลนนิ่งฮ่องกง ก็เป็นแค่กลยุทธ์หนึ่งที่ “คนอยู่เบื้องหลัง”พยายามออกแบบให้ม็อบมีความสวยงาม และดึงคนรุ่นใหม่ให้ออกจากทวิตเตอร์ หรือเฟซบุ๊ค
ความเป็นจริงของม็อบไม่มีแกนนำ คือ ภาวะสุ่มเสี่ยง และมีโอกาสเกิดเหตุจลาจลได้ทุกเมื่อ