คอลัมนิสต์

สมรภูมิดินแดง “ม็อบ 17 สิงหา” ส่อง “เด็กแว้น” มาจากไหน ใครหนุน

สมรภูมิดินแดง “ม็อบ 17 สิงหา” ส่อง “เด็กแว้น” มาจากไหน ใครหนุน

17 ส.ค. 2564

รุนแรงไม่เลิกรา “เด็กแว้น” สองล้อจรยุทธ์ยึดดินแดงปะทะ คฝ. มาจากไหน มีใครอยู่เบื้องหลัง คอลัมน์ท่องยุทธภพ โดยขุนน้ำหมึก

ดูเหมือนนาทีนี้ แกนนำสามนิ้วอย่าง อานนท์ นำภา, ไผ่ ดาวดิน, เพนกวิน และไมค์ จาดนอก ที่อยู่ในเรือนจำ กำลังจะถูกลืม เพราะเกมบนท้องถนน ถูกกลบด้วยปฏิบัติการจรยุทธ์สองล้อล่อกับ คฝ. ของ “ม็อบเด็กแว้น” ที่สมรภูมิดินแดง แทบทุกคืน

อย่างกลางดึกวันที่ 16 ส.ค.2564 เกิดเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้นบริเวณ สน.ดินแดง มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 คน แถมมีการแพร่คลิปภาพตำรวจยืนอยู่บน สน.ดินแดง และใช้ปืนยิงควบคุมสถานการณ์

พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. แถลงว่า เป็นการใช้กระสุนยางยิงข่มขู่เพื่อป้องกันสถานที่ราชการ ไม่มีการใช้กระสุนจริง ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ากระสุนที่ผู้บาดเจ็บถูกยิงมาจากทิศทางใด และยอมรับว่าในพื้นที่มีการใช้กระสุนจริง แต่ไม่ใช่ของตำรวจ

ส่วน รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่รุดไปหาข้อมูลเรื่องดังกล่าวที่ สน.ดินแดง ในทันที ก็เรียกร้องให้ตำรวจเร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริง ใครยิงประชาชน?

สมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ด นปช. ได้เฝ้าสังเกตการณ์ “เด็กแว้น” ปะทะ คฝ.แบบรายวัน จึงโพสต์เฟซบุ๊ค เตือนสติทุกฝ่าย “หลังจากมีการปะทะกันหนักถึงกับเลือดตกยางออก มีการใช้กระสุนจริง จากกลุ่มคนปริศนา ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้มี 2 ทางเลือก 1.เอาคืน 2.งดทุกกิจกรรมที่จะต้องไปสามเหลี่ยมดินแดง”

อดีตการ์ด นปช.ผู้ผ่านสมรภูมิโหดพฤษภา 53 มาแล้ว ได้ประเมินการเผชิญหน้ากันที่สามเหลี่ยมดินแดงว่า “ขึ้นอยู่กับทั้ง 2 ฝ่าย ว่าใครจะเข้าไปอยู่ในเกมของใคร ใครจะเพลี่ยงพล้ำในเกมเดิมพันหนนี้ ทุกคนที่อยู่ในเกมเป็นผู้กำหนด ว่าจะเลือกเดินอย่างไร”

บนสถานการณ์ที่อ่อนไหว ยังคำถามค้างคาใจในกลุ่มสื่อมวลชนว่า “ม็อบเด็กแว้น” มาจากไหน และมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังหรือไม่

++

ม็อบเด็กแว้นมาจากไหน

++

ประวิตร โรจนพฤกษ์ นักข่าวอาวุโสประจำข่าวสดภาคภาษาอังกฤษ ได้ใช้เฟซบุ๊คส่วนตัวPravit Rojanaphruk อธิบายความการเคลื่อนไหวของกลุ่มวัยรุ่น ที่มาปะทะกับ คฝ.ทุกวันที่สามเหลี่ยมดินแดง

1.พวกเขาคือชนชั้นแรงงาน พ่อแม่ญาติพี่น้องได้รับผลกระทบหนักสุดจากสภาพเศรษฐกิจถดถอยล้มทั้งยืน เนื่องจากการบริหารจัดการโควิดที่ล้มเหลวของรัฐบาล

2. พวกเขาไม่ขึ้นกับแกนนำใด พวกเขาไม่มีและไม่ต้องการแกนนำ กลุ่มไหนนัดชุมนุม พวกเขาก็พร้อมที่จะแยกตัวออกมาลุยต่อ

3.ภาษาการต่อสู้ของพวกเขาคือ การเผชิญหน้าปะทะกับตำรวจ คฝ. และความโกรธเกลียดที่ต้องมีอนาคตมืดมน ทั้งที่อายุส่วนใหญ่ยังไม่ถึง 20 ปี

“นิยามสันติวิธีของปัญญาชนชนชั้นกลางใช้ไม่ได้กับพวกเขา การออกมาชุมนุม เป็นการปลดปล่อย พวกเขารู้สึกมีพลังและมีค่าเวลามารวมตัวกัน (ศัพท์ทางมานุษยวิทยาคือ communitas) แถมปนสนุกสะใจ”

++

มีสปอนเซอร์

++

ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ค Nattharavut Kunishe Muangsuk ได้อัพสเตตัสว่าด้วย “เราต้องคุยกันจริงจังเรื่อง ‘แนวหน้ามีเยาวชน’ ที่ขบวนการควบคุมไม่ได้”

ในฐานะนักข่าวที่เฝ้าติดตามม็อบสามนิ้วมาตลอด เขาพบเห็นความผิดสังเกตของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มากับมอเตอร์ไซค์ ที่สามเหลี่ยมดินแดง

“เด็กๆ เหล่านี้อายุน้อยลงเรื่อยๆ คะเนจากหุ่น หน้าตา น่าจะตั้งแต่ 13-14 ปีเอง บางส่วนโดนแก๊สน้ำตามานอนพักให้เพื่อนเช็ดเนื้อเช็ดตัว บางส่วนนี่ถือเหล็กแป๊บบ้าง ก้อนอิฐบ้าง”

Nattharavut Kunishe Muangsuk ยังแสดงความกังวลเรื่องความรุนแรงว่า “...เด็กๆ เหล่านี้จะมองปรากฏการณ์ความรุนแรงเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด เป็นโลกทัศน์แบบเด็กที่เกรี้ยวกราด ตรงนี้น่ากังวลเหมือนกัน มันคุมไม่ได้..ขณะที่เราหยุดรัฐเผด็จการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนไม่ได้ มันไม่ฟัง ไม่เจรจา ไม่ตอบรับ ทำให้สมรภูมิการปะทะยังจะคงมีอยู่ต่อไปเรื่อยๆ”

ข้อมูลข้างต้นนี้ ตรงกับการประเมิน “ม็อบเด็กแว้น” ของฝ่ายความมั่นคง ที่มองว่า วัยรุ่นเหล่านี้เป็น “คนจนเมือง” ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

อย่างไรก็ตาม การข่าวของฝ่ายความมั่นคงตรวจพบว่า มีกลุ่มสนับสนุน “ม็อบเด็กแว้น” ที่ไม่เปิดเผยตัว คอยส่งหนังสะติ๊ก ลูกแก้ว หัวน็อต พร้อมกับทีมรักษาพยาบาล

ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า การเผชิญหน้า “ปะทะรายวัน” จะจบอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ปฏิบัติการสองล้อจรยุทธ์ ได้ลดเพดานการต่อสู้ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ มาอยู่ที่สงครามท้องถนนระหว่างม็อบเด็กแว้น กับ ตำรวจควบคุมฝูงชน(คฝ.)