จับตาคดี "ผู้กำกับโจ้" อาฟเตอร์ช็อก ปฏิบัติการเอาคืน ล้างบางโรงพักปากน้ำโพ
เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวสุดท้ายการเปิดโปงตีแผ่พฤติกรรมหัวหน้าโรงพักจึงบังเกิด จับตาคดี "ผู้กำกับโจ้" เงียบเมื่อไหร่ เมื่อนั้นปฏิบัติการเอาคืน ล้างบางโปลิศปากน้ำโพตามมาแน่นอน
-เหยี่ยวขาว เข้าเวรรายงานตัว บินโฉบนำเนื้อหาความเคลื่อนไหวประจำสัปดาห์ของยุทธจักรสีกากีมาให้ติดตามกันครับ เกือบตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เรื่องที่เป็นทอลก์ออฟเดอะทาวน์ ในวงการสีกากี รวมไปถึงสังคมไทย อีกทั้งยังถูกตีแผ่ไปทั่วโลกคงหนีไม่พ้นคดี "ผู้กำกับโจ้" พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้เปิดด้านมืด ของวงการตำรวจไทย ถูกแฉจากคลิป ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดทรมานจนเสียชีวิต ในห้องทำงานของ ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด (ชุด 05) สภ.เมืองนครสวรรค์ รู้จักกันดีในชื่อ “บ้านกาแฟ” แยกออกมาจากตัวโรงพักนครสวรรค์
-พวกเราเคยแต่เห็นเหตุการณ์ทรมานผู้ต้องหากันแต่ในภาพยนตร์เท่านั้น คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้มีโอกาสเห็นเรื่องจริงผ่านคลิป ที่ถูกแพร่ไปทั่วโลกโซเชียล ทั้งในไทยและต่างประเทศ ถึงขั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า หากเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา มีจลาจลเกิดขึ้นปั่นป่วนทั่วเมืองหลายวันอย่างแน่นอน แม้ล่าสุดคืนวันพฤหัสที่ 26 ส.ค.64 "ผู้กำกับโจ้" จะยอมเข้ามอบตัวแบบง่ายดาย ตอนแรกให้การรับสารภาพขณะแถลงข่าวที่กองบังคับการตำรวจกองปราบปราม ถนนพหลโยธิน ผ่านการโฟนอินต่อหน้า บิ๊กปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และกองทัพสื่อมวลชน รวมถึงประชาชนทั่วประเทศที่รอรับชม "ผู้กำกับโจ้" สภาพอิดโรยกล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมยอมรับผิดคนเดียว แต่ขอให้การว่า ไม่ได้มีเจตนาฆ่าน้อง ผมมีเจตนาตั้งใจที่จะทำงานครับ ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ให้ลูกหลานติดยาเสพติดครับ พร้อมยืนยันไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด”
-คล้อยหลังเพียงวันเดียว เมื่อถูกส่งตัวไปคุมขังที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ วันที่ 27 ส.ค. ก่อนจะถูกส่งต่อไปเข้าเรือนจำพิษณุโลก "ผู้กำกับโจ้" ก็ได้พลิกลิ้นปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา กลายเป็นหนังคนละม้วนกับตอนที่แถลงข่าว ขณะนี้คดีถูกโอนมาให้กองบังคับการตำรวจกองปราบปราม เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ทำท่าจะกลายเป็น ซีรีย์เรื่องยาว ที่ผู้คนทั้งไทยและต่างประเทศคงถ่างตารอกันอย่างใกล้ชิดว่า บทสรุปตอนจบจะลงเอยอย่างไร ? เหยี่ยวขาว มองว่าถ้าเปรียบคดีนี้เป็นบทภาพยนตร์ก็คงจะต้องเป็นแนวสืบสวนอาชญากรรม ที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนครบทุกรส มีทั้งฉากโหด ตื่นเต้น โรแมนติก การสืบสวน และชั้นเชิงการใช้กฎหมายต่อสู้คดี ฯลฯ
-ต้องยอมรับว่า "คดีผู้กำกับโจ้" แตกแขนงไปหลากหลายมิติ แค่ตัดสินใจผิดชีวิตเปลี่ยนลงเหว นายตำรวจหนุ่มครบเครื่อง ทั้งหล่อรวยจนได้ฉายา “โจ้ เฟอร์รารี่” จาก ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เปลี่ยนเป็น ผู้ต้องหา ชีวิตยังถูกนำมาตีแผ่ทุกแง่มุม จนสะท้อนไปถึง ระบบตำรวจ นายตำรวจหนุ่ม อายุ 39 ปี (นรต.รุ่น57) รับราชการมา 17 ปี ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ร่ำรวย บ้านใหญ่ระดับคฤหาสน์หรู เนื้อที่ 5 ไร่ มีรถหรูซุบเปอร์คาร์ เกือบ 30 คัน ช่วงปี 2554-60 มีผลงานในฐานะเจ้าของสำนวนคดีรถหรู สามารถจับกุมและนำรถหรูส่งให้กับกรมศุลกากรขายทอดตลาด รวมทั้งสิ้น 368 คัน อีกทั้งยังเคยเขียนไลน์บอกดาราสาวมีเงินสดกว่า 230 ล้านบาทให้นอมินีถือเก็บไว้ ฯลฯ งานนี้เลยต้องเจอไล่บี้ตรวจสอบทรัพย์สินกันไปด้วย
-“เหยี่ยวขาว”กระซิบบอก ให้เฝ้าจับตาดู ระวังจะเกิดเหตุการณ์ “อาฟเตอร์ช็อก” ที่โรงพักนครสวรรค์ หลังจากเกิดคดี ผู้กำกับโจ้ ที่เขย่ายุทธจักรสีกากีและกระบวนการยุติธรรมแล้ว น่าจะมี “ล้างบางใหญ่” ทั้งโรงพักนครสวรรค์ ในเมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวสุดท้ายมากลายเป็น การเปิดโปงตีแผ่พฤติกรรมของ หัวหน้าโรงพัก ที่เพิ่งจะย้ายมานั่งเก้าอี้ ผู้กำกับฯ ได้ไม่ถึงปี มือดีที่ใจกล้าส่งคลิปไปให้ทนายดังนำไปเปิดเผย ก็ระบุชัดว่า ที่มาของคลิปมาจาก ตำรวจชั้นผู้น้อย ที่สิ้นหวังอยากได้ความเป็นธรรม ทนเห็นเหตุการณ์นี้ไม่ได้
-ดังนั้นต้องให้ความสำคัญพร้อมคุ้มครองตำรวจผู้ที่กล้าตีแผ่ความจริงครั้งนี้ด้วย อย่ามองข้ามว่าการที่ “ตำรวจเปิดโปงตำรวจ” ด้วยกันเองนั้น เป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง ทำให้เกิดความเดือดร้อนกันทั้งโรงพัก เชื่อว่ายังมี กลุ่มตำรวจนอกรีต ที่เคียดแค้นอาจจะตามเล่นงานเช็กบิลเมื่อเรื่องเงียบหาย อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น? อย่าลืมคดีนี้นอกจาก "ผู้กำกับโจ้" และลูกน้องอีก 6 คนจะตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังถูกสังคมตั้งคำถามดัง ๆ ตั้งแต่รัฐประหารมาจะครบ 8 ปีแล้ว ปฏิรูปกันไปถึงไหน?.
เรื่อง : “เหยี่ยวขาว”