คอลัมนิสต์

เกมเสี่ยง “ประยุทธ์” แลกใจพี่ใหญ่ประวิตร

เกมเสี่ยง “ประยุทธ์” แลกใจพี่ใหญ่ประวิตร

02 ก.ย. 2564

พี่น้อง 3 ป.ยังรักกันไหม “ประยุทธ์” เจอเกมแตกหักกลางสภา พึ่งอนุพงษ์ วัดใจพี่ใหญ่ประวิตร คอลัมน์ท่องยุทธภาพ โดยขุนน้ำหมึก

หลังจบภาคแรก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 โดยการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังท้องถิ่นไทย พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย รวมถึงพรรคขนาดเล็กอีก 10 พรรค

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดแผนลับ พปชร.เสียงแตก โหวตล้ม ”ประยุทธ์”

หักเหลี่ยมเฉือนคม “พลังประชารัฐ” วัดขุมกำลังธรรมนัส-สันติบวกสุชาติ

แผน 4 แนวรบ “ทักษิณ” เดินเกมแรง หยุดประยุทธ์

 

 

นักรัฐศาสตร์เรียก “รัฐบาลประยุทธ์” ภาค 2 ในทางทฤษฎีว่าเป็นระบอบ “อำนาจนิยมที่มาจากการเลือกตั้ง” (Eletoral Authoritarianism)

 

 

ระบอบอำนาจนิยมผ่านกระบวนการเลือกตั้ง จะมี “นักเลือกตั้ง” เป็นตัวละครสำคัญ รัฐบาลอำนาจนิยมแบบใหม่ มักจะเกิดข้อขัดแย้งระหว่างผู้กุมอำนาจ กับ ส.ส. เพราะเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์ภายในพรรคการเมือง

 

กรณีที่ “พล.อ.ประยุทธ์” เผชิญหน้ากับการท้าทายจากนักเลือกตั้งกลุ่มใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ เนื่องมาจากความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ลดต่ำลง มีกระแสขับไล่ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์การเมืองเริ่มมีข้อสงสัยว่า ความสัมพันธ์ของอดีตนายทหาร 3 คน ที่เรียกว่า “3 ป.” นั้น ยังรักกันเหนียวแน่นเหมือนเดิมหรือไม่?

 

 

พลันที่ “บิ๊กป้อม” ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็มีนักเลือกตั้งเข้ามาคลุกคลีตีโมงมากขึ้น บางคนเริ่มเสนอทางออกในช่วง “วิกฤตการเมืองช่วงโควิด” เปิดทางให้ “บิ๊กตู่” ถอย และให้ “บิ๊กป้อม” รักษาการช่วงสั้นๆ ก่อนยุบสภา

 

 

ความปั่นป่วนวุ่นวายจึงบังเกิดภายในพรรค และนำมาซึ่งคำประกาศ “ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา” ของ พล.อ.ประยุทธ์

 

++

พี่น้อง 3 ป.

++

“พี่น้อง 3 ป.” เป็นคณะนายทหาร ที่อยู่บนเส้นทางอำนาจมายาวนานถึง 15 ปี และมีส่วนร่วมในการทำรัฐประหาร 2 ครั้ง

 

 

รัฐประหาร กันยายน 2549 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา สมัยที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 สั่งการให้นักรบบูรพา สนับสนุนการยึดอำนาจของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน

รัฐประหาร พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจเข้าควบคุมอำนาจ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย

 

 

ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ เติบโตใต้ร่มเงาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้นขั้วของฉายา “บูรพาพยัคฆ์” ตัวจริง ซึ่งเป็นเสมือนพี่ใหญ่คอยดูแลน้องสองคนตลอดเวลา

 

 

อดีตนายทหารทั้งสาม เติบโตมาจาก “บ้านทหารเสือ” หรือ “บ้าน 3 ป.” ตั้งอยู่ภายในซอย 7 ของกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ จังหวัดชลบุรี

 

 

บ้านหลังนั้น เป็นบ้านพักนายทหารของพี่ใหญ่ ป.ประวิตร โดยมีน้องรัก ป.ป๊อก และ ป.ประยุทธ์ อยู่ร่วมชายคา ที่คือต้นทางของความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ยาวนาน ลึกซึ้ง

 

 

สายสัมพันธ์นี้ กลายเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งยาวนานที่สุด ถ้าจำกันได้ ในงานเลี้ยงของพรรคร่วมรัฐบาล ปลายปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ ควงพี่ชาย พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ มายืนพูดคุยกับนักข่าว

 

 

“2 คนนี้คือ ลูกพี่ฉัน สอนฉันให้เป็นคนดี สอนฉันให้ทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง จะทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ถ้าไม่มีพี่ทั้ง 2 คน พี่ป๊อก และพี่ป้อม ฉันก็มีวันนี้ไม่ได้ ทุกอย่างไม่มีเพื่อตัวฉัน แต่เพื่อประเทศไทย เข้าใจรึยัง…”

 

 

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำอีกว่า “มีวันนี้ เพราะพี่ให้” ซึ่งในสถานการณ์การเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อ ช่วงศึกซักฟอกครั้งสำคัญ จึงมีคนถามว่า “พี่ป้อม ยังรักน้องเหมือนเดิมหรือไม่”

 

 

++

พี่ใหญ่ใจดี

++

 

“พล.ประวิตร” เติบโตบนเส้นทางเหล็กในยุคการเมืองครอบงำทหาร หรือยุค “ทหารพาณิชย์” ซึ่งเวลานั้นมีอดีตนายทหารใหญ่เข้าไปทำงานการเมืองกับทักษิณมากกว่า 10 คน

 

 

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ จึงเปรียบเทียบว่า “บิ๊กป้อม” คล้าย “โคว้ตงหมง” ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ มือประสานสิบทิศสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร

 

 

หลังเกษียณอายุราชการ พล.อ.ประวิตร ได้สร้างมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่มีสำนักงานอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) เป็นศูนย์รวมเพื่อนพ้องน้องพี่

 

 

ปลายปี 2551 พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ ใช้กองบัญชาการสำรอง ด้านหลังตึกบัญชาการของกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ (ร.1 พัน.1 รอ.) ถ.วิภาวดีรังสิต เป็นสถานที่จัดตั้ง “รัฐบาลพลิกขั้ว” ที่มี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

 

 

ทุกวันนี้ “บ้านป่ารอยต่อ” เป็นเสมือนที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ อำนาจและบารมีของ พล.อ.ประวิตร เบ่งบานในหมู่นักเลือกตั้ง แต่พล.อ.ประยุทธ์ มีจุดอ่อนเป็นนายทหารอาชีพ จึงมีข้อจำกัดในการคบค้าสมาคมกับ “คนนอกสายทหาร”