“ประยุทธ์” ชนะ แต่แพ้ จับตาล้างไพ่ ปรับครม.-ยุบสภา
ปัญหาจากคะแนนเสียงทำให้ “ประยุทธ์” พล.อ.ประวิตรและ ร.อ.ธรรมนัส ไม่พอใจอย่างมาก ที่มาถูกตลบหลัง ด้วยเหตุนี้การปรับครม.ที่จะมีขึ้น คาดว่าจะปรับใหญ่ ด้วยการล้างไพ่ใหม่ ยกเลิกโควต้าเดิมที่มีอยู่
นับว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกครั้งหนึ่งของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เต็มไปด้วยสีสัน สาระและความระทึกใจของเกมการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปากเป็นเหตุ “เรืองไกร” ร้อง ป.ป.ช. สอบวิสาร ปมเงิน 5 ล้าน
- แผนล้มประยุทธ์ล่ม “ทักษิณ” ฝันค้าง บัตร 2 ใบหงายเก๋ง
- ส่องงูเห่า เย้ย “ทักษิณ” ไผเป็นไผ 6 ส.ส.เพื่อไทย
ความจริงคอการเมืองคงทราบกันดีว่า การยื่นญัตติไม่ไว้วางใจครั้งนี้มันเป็น”เกม” ที่มีเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นเดิมพัน เนื่องจากฝ่ายค้าน เขี่ยชื่อ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯในฐานะเลขาธิการพรรคออก
การไปอภิปรายหัวหน้าและเลขาธิการพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลย่อมส่งสัญญาณว่าน่าจะมี "ดีล" อะไรบางอย่าง
จนกระทั่งข่าวลึกได้หลุดออกมาหลังอภิปรายไป2วันว่า ดีลสำคัญที่ว่าคือ พลังประชารัฐ จับมือกับ เพื่อไทย เพื่อล้มพล.อ.ประยุทธ์ แล้วชู พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ลำพังเสียงเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านมีแค่212 ต้องใช้ 242 จึงจะล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เสียงพรรคเล็ก และเสียงของพลังประชารัฐ จำนวนหนึ่ง เพื่อให้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง
ข่าวการใช้เงินซื้อเสียงเพื่อแลกโหวตจึงหนาหูขึ้น มีการปั่นราคาเกทับกันไปมา ด้วยราคาล้มประยุทธ์ 5 ล้าน แต่ถูกฝ่ายหนุนเกทับมา 10 ล้าน จนกระทั่งวันสุดท้าย ฝ่ายล้มเงินไม่มา ราคาของฝ่ายหนุนจึงมาอยู่ที่หัวละ5 ล้าน
ว่ากันว่าครั้งนี้ต้องใช้เงินเพื่อซื้อ ส.ส.150 คนก็ประมาณ พันกว่าล้านบาท คะแนนจึงออกมาอย่างที่เห็น
อย่างไรก็ตาม แม้นพล.อ.ประยุทธ์ จะชนะเสียงโหวต แต่อย่าลืมว่าพล.อ.ประยุทธ์ ได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจมากกว่าคนอื่น ขณะที่คะแนนไว้วางใจกลับได้ลำดับที่5 จากรัฐมนตรี6 คน สะท้อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ ชนะคะแนนแต่แพ้เกมในสภา
แพ้เกมอย่างไร อย่าลืมว่า ในการหารือกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส ที่บ้านป่ารอยต่อฯ ในวันที่ 3 กันยายน มีการต่อรองและรับปากในการปรับคณะรัฐมนตรีหลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เป้าหมายที่ พล.อ.ประวิตร ต้องการคือกลับมาคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และเป้าหมายของ ร.อ.ธรรมนัสคือ กระทรวงมหาดไทย โดยได้แจ้งให้พล.อ.ประยุทธ์ ทราบว่าเพื่อเตรียมรองรับการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องโอเคเพื่อแลกกับการอยู่ต่อ
แหล่งข่าวระดับสูงวิเคราะห์ว่า ผลคะแนนจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอยู่กันลำบาก โดยเฉพาะคะแนนของประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย มากกว่าของพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งๆที่พลังประชารัฐ เต็มใจเทคะแนนให้พรรคร่วม แต่ปรากฎว่า พรรคร่วมแอบไปซื้อส.ส.พรรคเล็ก ให้โหวตหนุนตัวเอง แต่ไม่ให้โหวตหนุนพล.อ.ประยุทธ์
ก่อนหน้านี้ตามแผนของการล้มพล.อ.ประยุทธ์ คือการรวบรวมพรรคเล็ก พอรวมได้เกือบ30 เสียง แต่ร.อ.ธรรมนัส ไม่เดินต่อ ทำให้คนที่รวบรวมพรรคเล็ก นำเสียงไปเร่ขายให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยแทน
การไปเพิ่มคะแนนให้รัฐมนตรีพรรคร่วม ขณะที่คะแนนของพล.อ.ประยุทธ์ ลดลงมันเป็นการฉีกหน้าทั้งนายกฯและพรรคพลังประชารัฐ อย่างจัง
ปัญหาจากคะแนนเสียงทำให้พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และร.อ.ธรรมนัส ไม่พอใจอย่างมากที่มาถูกตลบหลัง ด้วยเหตุนี้การปรับครม.ที่จะมีขึ้น คาดว่าจะปรับใหญ่ ด้วยการล้างไพ่ใหม่ ยกเลิกโควต้าเดิมที่มีอยู่
เป็นการปรับครม.ครั้งสุดท้ายเพื่อแตกหัก เป็นการแตกหักทั้งในพรรคพลังประชารัฐเอง และแตกหักในพรรคร่วมรัฐบาล โดยภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ จะถูกยึดกระทรวงเกรดเอกลับมา
แหล่งข่าวมองว่า หลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นภาพทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น หากปรับครม.แบบแตกหักเช่นนี้ จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอยู่กันลำบาก แต่ฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ มองข้ามช็อตไปว่า ยังมีไพ่ยุบสภาอยู่ในมือ
รอจนกว่าการเปิดสภาสมัยสามัญเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะยุบสภาทันที