คอลัมนิสต์

จับตา "พล.อ.วิชญ์" น้องรักบิ๊กป้อม ถือธง พปชร.

จับตา "พล.อ.วิชญ์" น้องรักบิ๊กป้อม ถือธง พปชร.

19 ก.ย. 2564

พปชร.ยุคสมานแผล จับตา “พล.อ.วิชญ์” มือประสานสิบทิศ บิ๊กป้อมอาจดันเป็นหัวหน้าพรรค ถือธงนำทัพลุยเลือกตั้ง คอลัมน์ท่องยุทธภพ โดยขุนน้ำหมึก

นับแต่ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ได้รับตำแหน่งประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ก็มีเสียงสะท้อนมากมาย ทั้งจากคนการเมือง และคนสายกีฬา

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

“พล.อ.วิชญ์” เป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ช่วยงานด้านกีฬา มาหลายปีแล้ว ถึงคราวจำเป็น “บิ๊กป้อม” ต้องการมือทำงานการเมืองมาแทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็นึกเห็นแต่ บิ๊กน้อย-พล.อ.วิชญ์เท่านั้น

 

 

เนื่องจาก “พล.อ.วิชญ์” เป็นนักประสานงาน รู้จักมักคุ้นกับคนทุกวงการ และในอนาคต “บิ๊กป้อม” อาจต้องดัน “บิ๊กน้อย” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทนตัวเองก็ได้

 

 

4 ปีที่แล้ว พล.อ.ประวิตร ได้รับตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคไทย และ พล.อ.วิชญ์ ก็ถูกดึงมาเป็นผู้ประสานงานในฐานะผู้ช่วยเหรัญญิก

เย็นวันที่ 16 ก.ย.2564 พล.อ.ประวิตร ไปร่วมงานศพบิดาของ ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ ระหว่างเดินทางกลับฝนตกริน พล.อ.ประวิตร เดินลื่นแต่นายทหารคนสนิทประคองไว้ทัน จึงไม่ได้เสียหลักล้ม

 

 

วันที่ 17 ก.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เสร็จภารกิจที่ จ.ชลบุรี ได้เดินทางเข้าไปเยี่ยมดูอาการบิ๊กป้อม ที่มูลนิธิป่าบ้านรอยต่อฯ และใช้เวลาพูดคุยกัน พร้อมรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน

 

 

นอกจาก พี่น้อง 2 ป. ก็มี พล.อ.วิชญ์ ร่วมวงสนทนาด้วย ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.วิชญ์ ได้พบปะกัน หลังมีการแต่งตั้งประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐคนใหม่

 

 

‘สนามม้าการเมือง’

 

หลายคนอาจคิดว่า “พล.อ.วิชญ์” เป็นมือใหม่ในแวดวงการเมือง จริงๆแล้ว อดีตนายทหาร ตท.11 คนนี้ คลุกคลีอยู่กับการเมืองไทยมานาน ผ่านราชตฤณมัยสมาคม หรือสนามม้านางเลิ้ง

ใครก็รู้ว่า สนามม้านางเลิ้ง เป็นแหล่งชุมนุมจอมยุทธ์การเมือง สมัย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ โลดแล่นอยู่ในยุทธจักร สนามม้าแห่งนี้เปรียบเสมือนวอร์รูมของ เสธ.หนั่น

 

 

ปี 2545 “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ในฐานะเลขาธิการกิตติมศักดิ์ และประธานอำนวยการแข่งขันม้า มีอำนาจคุมสนามม้านางเลิ้งเต็มตัว ได้ดึงตัว พล.อ.วิชญ์ มาเป็นกรรมการประชาสัมพันธ์

 

 

จะเห็นได้ว่า พล.อ.วิชญ์ อยู่ในสนามม้านางเลิ้งมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเข้ามาช่วง “บิ๊กป้อม” เป็นประธานโอลิมปิค ดังนั้น พล.อ.วิญช์ จึงได้สัมผัสกับจอมยุทธ์การเมืองมากหน้า ตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ มาจนถึงยุค คสช.

 

 

รวมถึง พล.อ.วิชญ์ ยังมีเครือข่ายสายกีฬา ซึ่งเกี่ยวพันกับสายการเมือง ก่อนหน้านั้น ปลายปีนี้ มีข่าวว่า บิ๊กป้อมอาจวางมือจากโอลิมปิคไทย และมอบให้บิ๊กน้อยเป็นประธานโอลิมปิคแทน

 

 

บังเอิญสถานการณ์เปลี่ยน พล.อ.วิชญ์ถูกดึงเข้ามาสนามการเมืองกระทันหัน ในภารกิจเร่งด่วนสานใจนักเลือกตั้งให้เป็นหนึ่งเดียว

 

 

‘สลายก๊วน’

 

หลังการเปิดตัวต่อหน้า ส.ส.พลังประชารัฐ “พล.อ.วิชญ์” ได้ให้สัมภาษณ์สื่อเป็นครั้งแรกว่าต้องการมาช่วย พล.อ.ประวิตร เพราะว่าเป็นพี่ที่รัก และขาดคนทำงานที่เป็นคนที่มองตารู้ใจและไม่ได้หวังตำแหน่งอะไรในอนาคต

 

 

พล.อ.วิชญ์ ยังบอกว่า ไม่ได้เข้ามารับตำแหน่ง เพื่อตีกันพล.อ.ประยุทธ์ ตรงกันข้ามมาช่วยทั้ง พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ ทำงาน ประสานกับ ส.ส.พลังประชารัฐกับฝ่ายการเมือง

 

 

โดยส่วนตัว พล.อ.วิชญ์ ยอมรับว่า ไม่สันทัดเรื่องการเมือง และกำลังร่างยุทธศาสตร์พรรค โดยตั้งคณะทำงานขึ้นอยู่โดยมีเป้าหมายคือ การทำให้ ส.ส.ในพรรค รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่แบ่งเป็นกลุ่มก๊วน

 

 

ด้านหนึ่ง การเข้ามานั่งประธานยุทธศาสตร์พรรคของบิ๊กน้อย ก็เป็นการหย่าศึก ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส กับกลุ่ม 4 ส. (สมศักดิ์ สุริยะ สุชาติ สันติ) เพราะบิ๊กป้อมรู้ดีว่า ร.อ.ธรรมนัส มิอาจพูดคุยกับกลุ่มคู่รักคู่แค้นได้เหมือนดังเก่า

 

 

ด้วยเหตุนี้ บิ๊กป้อมจึงหาตัวละครที่เข้าทำหน้าที่เชื่อมประสานทุกกลุ่มก๊วนในพลังประชารัฐ และพล.อ.วิชญ์ เหมาะที่จะรับตำแหน่งมือประสานสิบทิศ

 

 

อนาคต พล.อ.วิชญ์ อาจขยับเป็นผู้นำพรรคหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะเวลา หากบิ๊กป้อมเห็นว่า พลังประชารัฐต้องมีแม่ทัพลุยหาเสียงเต็มตัว ก็อาจใช้บริการบิ๊กน้อย