"แก้รัฐธรรมนูญ" บัตรสองใบไม่ใช่คำตอบ โคทมท้ารัฐทำประชามติรธน.
"โคทม"ชี้"แก้รัฐธรรมนูญ" ใช้บัตรเลือกตั้ง 2ใบ ไม่ทำให้จำนวนส.ส.เพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบการเลือกตั้ง เผยอยากเห็นประชามติจากประชาชนในการเลือกตั้ง สสร.มากกว่า
ภายหลังที่ประชุมรัฐสภาผ่านความเห็นชอบญัตติแก้ไขเพิ่มเติมร่าง"รัฐธรรมนูญ"ในประเด็นบัตรเลือกตั้ง โดยส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติม"รัฐธรรมนูญ" เสนอ"นายกรัฐมนตรี"เพื่อเข้าสู่กระบวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป
อย่างไรก็ตาม การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีคำถามตามมามากมาย ประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากการแก้ไขประเด็นบัตรเลือกตั้ง และหัวใจหลักสำคัญของการแก้ไขรธน.นั้นคืออะไร
"คมชัดลึกออนไลน์" ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนมุมมองกับ รศ.โคทม อารียา อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เกี่ยวกับปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้
"รศ.โคทม" กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการปรับปรุงบัตรเลือกตั้ง โดยยืนยันว่าการได้มาซึ่งส.ส.นั้น ไม่เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งว่าจะมี 1ใบ หรือ2ใบ แต่เป็นเรื่องของระบบที่มีมาตั้งแต่ปี 2540 ที่ระบบเลือกตั้งแบบผสมระบุให้มีส.ส.2ประเภท คือแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ
"การเลือกตั้งในปี 2540, 2550 และ 2560/1ไม่เหมือนกัน แต่2560/2 จะเหมือนกับปี 2540,2550 คือใช้ระบบผสมแบบคู่ขนาน คือต่างฝ่ายต่างทำ เลือกตั้งเขต1ใบ และส.ส.บัญชีรายชื่อ สำคัญที่การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ถ้าส.ส.คู่ขนาน คำนวณจากคะแนนที่ได้จากบัตรเลือกบัญชีรายชื่อเท่านั้นไม่เกี่ยวกับเขต ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา 2560/1 เปลี่ยนเป็นเลือกตั้งแบบผสม ได้ส.ส.เขตแล้วเอา ส.ส.บัญชีรายชื่อไปเพิ่มให้เพื่อให้ผลบวกส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ คือส.ส.รวมเป็นไปตามสัดส่วนของคะแนนพรรคหนึ่งพรรคใดได้รับทั้งประเทศ ไม่เหมือนการเลือกตั้งในปี 40 กับ50 และปัจจุบันที่กำลังจะแก้ไข" อดีต กกต. กล่าวและว่า
ระบบผสมแบบสัดส่วนสามารถใช้บัตรเลือกตั้ง2ใบได้ ขึ้นอยู่กับวิธีคำนวณ ส.ส.รวม เนื่องจากปัจจุบันส.ส.เขตและบัญชีรายขื่อคำนวณแยกกัน การเลือกตั้ง 2560/1 ได้ส.ส.เขตแล้วมาคำนวณบัญชีรายชื่อ ดังนั้นส.ส.เขตจะเยอะ แล้วมาเติมบัญชีรายชื่อน้อย
"จำนวนสส.แตกต่างแน่นอนถ้าได้ สส.เขตเยอะ แบบบัญชีรายชื่อก็จะได้เยอะเช่นกันเพราะได้คะแนนเยอะ คือได้ทั้งคู่ แต่ถ้าแบบสัดส่วนได้ส.ส.เขตเยอะ ก็อาจจะไม่ได้บัญชีรายชื่อเลยเหมือนกรณีพรรคเพื่อไทย" รศ.โคทม กล่าว
อดีต สนช. กล่าวอีกว่า โดยธรรมชาติการเลือกตั้งในระบบสัดส่วนคะแนนเสียงจะกระจาย พรรคเล็กได้ที่นั่งบ้าง กับพรรคที่ได้คะแนนเสียงจำนวนมาก ถ้าระบบคู่ขนานจำนวนพรรคที่จะเข้าไปอยู่ในสภาบางทีจะลดลงเพราะ 1.พรรคเล็กมีพื้นที่น้อยหวังได้ส.ส.เขตสัก1คน แต่ไม่แน่เมื่อได้คะแนนน้อยไปดูบัญชีรายชื่อก็อาจไม่ได้ส.ส.เลย และ
2.ถ้าดูว่าระบบแบ่งเขต 400 คน เอื้อพรรคใหญ่ 2 พรรค พรรคใหญ่ได้ส.ส.เขตแล้วมีส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้น ระบบนี้เอื้อต่อพรรคการเมืองขนาดใหญ่ แล้วทำให้พรรคขนาดกลางอาจจะลดขนาดลง
"รศ.โคทม" ให้ความเห็นว่า หลังจากนี้ภายใน 120 วันจะมี พรป. แล้วจะเห็นกติกาชัดเจน ต้องถามใจนายกรัฐมนตรีว่าจะยุบสภาเลยหรือไม่หลังจากมี พรป.แล้ว ถ้านายกฯบอกจะอยู่ยาวครบวาระก็ต้องแล้วแต่ ซึ่งต้องเตรียมแผน1 แผน 2 ไว้
" สิ่งที่ควรทำระหว่างนี้ จี้รัฐบาล ประชามติร่างรธน."
"ถ้ายุบสภาทำอย่างไร เลือกตั้งปี 2565 หรืออยู่ยาวครบวาระจะอย่างไร ผมเข้าใจว่าเหลืออีก1ปีกว่าๆ คือจะมีเลือกตั้งปี 2566 ผมอยากมุ่งไปที่ประชามติถามประชาชนว่าเห็นชอบกับการทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งสมาชิก สสร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน โดยใช้หลักการที่เคยผ่านรัฐสภาในวาระที่2แล้ว ถ้าเห็นชอบรัฐสภาจะได้ดำเนินการหารือการบ้านเดิมที่เคยผ่านวาระ 2 ขึ้นมาปัดฝุ่นแก้ไขมาตรา 256 หรือโหวตว่าด้วยการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตรงนั้นฝ่ายประชาชนน่าจะให้ความสนใจ ถ้าขยันหน่อยก็เข้าชื่อกันเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)หรืออย่างน้อยสื่อช่วยสนับสนุนบอกครม. ให้ส่งเรื่องไปรัฐสภาให้ขยับหน่อย เพราะต่อให้มีการเลือกตั้งแต่รัฐธรรมนูญเป็นอย่างที่ทราบกันอยู่ก็จะอึมครึมไม่มากก็น้อย" รศ.โคทม กล่าว
ทั้งนี้ "รศ.โคทม" ยืนยันว่า กระบวนการนี้ไม่เกี่ยวโยงกับการแก้รัฐธรรมนูญระบบเลือกตั้งแต่อย่างใด โดยมี 3 ประเด็นที่สามารถทำได้เลยทันทีคือ 1.ประชาชนนำ 5หมื่นรายชื่อ 2.รัฐสภามีมติเสนอครม.ทำประชามติได้หรือไม่ และ3.ครม.เห็นชอบโดยไม่ต้องรอ 5 หมื่นรายชื่อและรัฐสภา ถ้าอยากทำก็ทำได้ทันที
"ปลายทางของเราไม่ได้อยากได้รัฐธรรมนูญที่มาจากภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ราชการ นักการเมือง ถ้าจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ยั่งยืนต้องเป็นความเห็นพ้องของทุกฝ่าย ผมเห็นว่า สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวางรวมทั้งพยายามต่อสิ่งละอันพันละน้อยของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเดี๋ยวก็อึดอัดขัดข้องกันเปล่าๆ ถ้าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับกระทัดรัดใส่หลักการใหญ่ๆไว้มันก็อาจมีความยั่งยืนมากขึ้นที่ผ่านมาเราชอบใส่รายละเอียดมากขึ้น ลองสังเกตดูว่ารัฐธรรมนูญมีมาตราเพิ่มมากขึ้น" รศ.โคทม กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ตุลาอาถรรพ์" จ้องเขย่าซ้ำเก้าอี้นายกฯ ลุงตู่
- ย้อนอดีตมองปัจจุบันเดินเกมบีบ"ประยุทธ์" ลาออก หรือ ยุบสภา
- ด่วน !! 3 "อ่างเก็บน้ำ" ขนาดใหญ่น้ำมากเกิน 100 และขนาดกลางอีก 90 แห่งเร่งระบาย
- เช็คจังหวะก้าว"คุณหญิงสุดารัตน์" ตัวแปรทางการเมือง
- ราชกิจจาฯประกาศ "กำหนดวันเลือกตั้งอบต." แล้ว พร้อมหย่อนบัตรทั่วประเทศ