ปชป.รีเทิร์น "จุรินทร์" รับอานิสงส์ พปชร.แตกร้าว
ไม่ใช่แค่ฝันแผนดัน "จุรินทร์" นายกฯ ปชป.รับอานิสงส์ พลังประชารัฐแตกร้าว ทวงคืนเก้าอี้ ส.ส.ภาคเหนือตอนล่าง คอลัมน์ท่องยุทธภพ โดยขุนน้ำหมึก
ข่าวสารการเมืองสุดสัปดาห์นี้ ราวกับอยู่ในฤดูเลือกตั้ง เมื่อ ส.ส.ระดับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากได้รับเสียงไว้วางใจอย่างเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า
ชาว ปชป.เชื่อว่า “จุรินทร์” มีคุณสมบัติไม่ได้ด้อยไปกว่าหัวหน้าพรรคคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นอนุทิน ชาญวีรกูล และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งมีการเสนอชื่อขึ้นมาในช่วงนี้
จังหวะที่ ปชป.ประโคมโหมโรง “จุรินทร์” ก็เป็นห้วงเวลาที่พี่น้อง 3ป. มีรอยร้าว อาจต้องแยกทางกันเดินในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ช่วงวันที่ 30 ก.ย.ถึง 1 ต.ค.2564 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่ตามโปรแกรมจุรินทร์ออนทัวร์ ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ นครสวรรค์, กำแพงเพชร, สุโขทัย และเพชรบูรณ์ เพื่อให้กำลังใจประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม และมอบถุงน้ำใจบรรเทาทุกข์
พื้นที่ภาคเหนือ มีความหมายในทางยุทธศาสตร์เลือกตั้งของ ปชป. เพราะนับแต่การเลือกตั้งปี 2550 และ 2554 ปชป.มี ส.ส.ภาคเหนือตอนล่าง ประมาณ 14-15 คน
เพียงเลือกตั้งครั้งที่แล้ว มีความผิดพลาดในการวางกลยุทธ์หาเสียง จึงทำให้ผู้ที่เคยโหวตให้ ปชป. เปลี่ยนใจไปเลือกพรรคพลังประชารัฐ ส่งผลให้ได้ ส.ส.เพียงคนเดียวในสนามภาคเหนือตอนล่าง
‘ทวงคืนสุโขทัย’
อาศัยช่วงน้ำท่วมสุโขทัย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. และนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยใน จ.สุโขทัย โดยมี 2 อดีต ส.ส.สุโขทัย อย่างสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล และวิรัตน์ วิริยะพงษ์ ร่วมให้การต้อนรับ
เลือกตั้งปี 2562 ตามกติกาบัตรใบเดียว จำนวน ส.ส.สุโขทัย ลดจาก 4 คนเหลือ 3 คน แถมมีการแบ่งเขตใหม่ ปรากฏว่า วิรัตน์ วิริยพงศ์ และสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล สอบตกทั้งคู่ และได้คะแนนเฉลี่ย 1.5 หมื่นคะแนน
คะแนนของอดีต ส.ส.ค่าย ปชป. หายไปกับกระแสความสงบจบที่ลุงตู่ ทำให้ พรรณสิริ กุลนาถศิริ และชูศักดิ์ คีรีมาศทอง แห่งค่ายสามมิตรได้เป็น ส.ส.สมัยแรก
เช่นเดียวกับที่ จ.ตาก เลือกตั้งปี 2554 ค่าย ปชป.ชนะยกจังหวัด ได้ ส.ส. 3 คน คือเธียรชัย สุวรรณเพ็ญ ,ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ และธนิตพล ไชยนันทน์ แต่เลือกตั้งปี 2562 สอบตกไป 2 คน เหลือรอดเข้าสภาคนเดียวคือ ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์
ส่วน ส.ส.หน้าใหม่อย่าง ธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ และภาคภูมิ บูลย์ประมุข ที่ย้ายมาจากเพื่อไทยมาอยู่พลังประชารัฐ ซึ่งชูประยุทธ์เป็นนายกฯ ก็ได้เสียงโหวตจากคนเสื้อเหลืองและ กปปส.เมืองตาก
ปรากฏการณ์ทิ้ง ปชป.ชั่วคราว ยังเกิดขึ้นที่ จ.กำแพงเพชร และ จ.นครสวรรค์ ส่งให้อดีต ส.ส.ค่ายสีฟ้าสอบตก
‘ธรรมนัสหนาว’
พิษณุโลกและพิจิตร เป็นอีก 2 จังหวัดที่ “จุรินทร์” หวังจะทวงคืนเก้าอี้ ส.ส. จึงดึง นราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ปชป.ร่วมคณะจุรินทร์ออนทัวร์สายเหนือ
ที่สนามพิจิตร เลือกตั้งครั้งที่แล้ว นราพัฒน์ แก้วทอง อดีต ส.ส.พิจิตร ไม่ได้ลง ส.ส.เขต โดยจัดทีมงานลงสมัครทั้ง 3 เขต แต่พ่ายผู้สมัครหน้าใหม่ค่ายพลังประชารัฐ ที่ได้อานิสงส์จากการยุบพรรคไทยรักษาชาติ และกระแสลุงตู่
วันนี้ ส.ส.พิจิตร 3 คน สังกัดอยู่ในซุ้มธรรมนัส และมีแนวโน้มจะแยกทางจากลุงตู่ โอกาสจึงเป็นของค่าย ปชป.
สำหรับสนามพิษณุโลก จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ ในฐานะแม่ทัพเลือกตั้งเมืองสองแคว ส่งผู้สมัครหน้าใหม่ลงสนาม แต่พ่ายแบบสู้ได้ที่เขต 3 และเขต 5
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส.ภาคเหนือตอนล่างอยู่ในซุ้มนับสิบคน แต่การแตกหักกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้คนเสื้อเหลืองหันกลับมาเลือก ปชป.เหมือนปี 2554 และ 2550
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้มอบให้อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ เข้ามาดูแลภาคเหนือตอนล่าง ย่อมส่งผลต่อการแย่งชิงฐานคะแนนของ ส.ส.สายผู้กองธรรมนัส
ดังนั้น การที่แกนนำ ปชป.เสนอชื่อ “จุรินทร์” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ความลมๆแล้งๆ ตราบใดที่ดุลอำนาจ 2 ขั้วการเมืองไทย ยังไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในสนามเลือกตั้ง โอกาสของพรรคที่ 3 ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง